กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณทั้งสิ้น 1.005 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2562
ยอดขาดดุลดังกล่าวเพิ่มขึ้น 59% จากระดับ 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยรายจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.3%
รายจ่ายที่สูงที่สุด 3 อันดับแรกในเดือนต.ค.ได้แก่ การประกันสังคม 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์ กลาโหม 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ และโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลกลาง (Medicare) 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า ค่าดอกเบี้ยหนี้สาธารณะเดือนต.ค.อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนหน้า
กระทรวงการคลังสหรัฐคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณแตะที่ระดับ 1.085 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 โดยเป็นตัวเลขที่ประเมินจากรายงาน Mid-Session Review ประจำปีงบประมาณ 2562 ที่เผยแพร่เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขขาดดุลที่เพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุส่วนหนึ่งจากมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ที่บังคับใช้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น ซึ่งได้เข้ามาลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินได้บุคคลธรรมดาลงอย่างมาก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมากล่าวปกป้องมาตรการดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่ทางพรรคเดโมแครตได้ออกมาวิจารณ์มาตรการปรับลดภาษี เพราะมองว่าเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลร่ำรวย