การประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) เปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้ที่ประเทศปาปัวนิวกินี โดยมีนักวิเคราะห์เฝ้าจับตาว่า บรรดารัฐมนตรีจาก 21 ประเทศ จะสามารถเรียกร้องให้มีการต่อสู้กับการกีดกันการค้า จากนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้หรือไม่
-- นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนการเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ในวันนี้ว่า การถอนตัวของอังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีฝ่ายใดได้รับประโยชน์ และการเจรจาต่อรองก็เป็นเพียงการควบคุมความเสียหายเท่านั้น
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ราคาบ้านในเมืองใหญ่ของจีนยังคงมีเสถียรภาพในเดือนต.ค. หลังจากรัฐบาลท้องถิ่นของจีนเดินหน้าใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยราคาบ้านใหม่ใน 4 เมืองหลักของจีน ซึ่งได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และกว่างโจว ต่างก็ทรงตัวในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.
-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศประจำเดือนต.ค.ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน จากระดับ 5.52 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. มาอยู่ที่ 6.811 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนต.ค. เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้ผู้ฝากเงินเทขายสกุลเงินดอลลาร์และถือเงินวอนแทน
-- นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินรหว่างประเทศ (IMF) กล่าวในงานสัมมนา "Singapore Fintech Festival" ที่สิงคโปร์ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการออกสกุลเงินดิจิทัลในอนาคต เนื่องจากขณะนี้สกุลเงินทั่วโลกกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ เพราะพฤติกรรมการใช้เงินในปัจจุบันที่เริ่มเปลี่ยนไป ส่งผลให้ความต้องการเงินสดปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัดทั่วโลก
-- สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในยุโรปร่วงลงถึง 7.4% ในเดือนต.ค. หลังจากความต้องการรถยนต์จากเยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปน ปรับตัวลง
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า เกาหลีใต้มียอดเกินดุลการค้าในต.ค.อยู่ที่ 6.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเกินดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 81 นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2555 เนื่องจากความต้องการสินค้าที่ผลิตในเกาหลีใต้พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก
-- ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 6% ในการประชุมวันนี้ นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ของปี 2561 ภายใต้เป้าหมายที่จะทำให้เงินรูเปียห์แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ประเทศขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้น