บรรษัทจำนองสินเชื่อบ้านของรัฐบาลกลางสหรัฐ (เฟรดดี แมค) เปิดเผยว่า ขณะนี้สหรัฐกำลังเผชิญกับปัญหาสต็อกบ้านไม่พอต่อความต้องการ ซึ่งนับเป็นปัญหาท้าทายสำคัญต่อตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
แซม เคเทอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเฟรดดี แมค กล่าวว่า "เราคาดว่าในทศวรรษหน้า คนวัยหนุ่มสาวจะมีจำนวนรวมกันประมาณ 20 ล้านครัวเรือน และครัวเรือนเหล่านี้จำเป็นต้องมีที่อยู่"
เฟรดดี แมค เปิดเผยว่า ปริมาณบ้านในสหรัฐนั้นมีไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาด นอกจากนี้ยังได้เตือนว่า หากปริมาณบ้านยังไม่พอกับความต้องการเช่นนี้ต่อไป ราคาบ้านและค่าเช่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแซงรายได้
นายเคเทอร์ กล่าวว่า "หากไม่มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นแล้ว ต้นทุนค่าที่อยู่อาศัยก็น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแซงรายได้ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างครัวเรือน และปิดกั้นโอกาสของครัวเรือนกว่าหลายล้านในการเป็นเจ้าของบ้าน"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เฟรดดี แมค ได้ประมาณไว้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐจำเป็นต้องมียูนิตใหม่ปีละ 1.62 ล้านยูนิต อย่างไรก็ดี อัตราการสร้างบ้านในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณปีละ 370,000 ยูนิต