World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 7 ธันวาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 7, 2018 09:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่า ข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจบานปลาย หลังจากทางการแคนาดาได้จับกุมตัวผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ตามคำเรียกร้องของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลซึ่งระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

-- หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังพิจารณาว่าควรจะส่งสัญญาณถึงการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าหรือไม่ ในการประชุมนโยบายการเงินซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้

วอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดยังคงมีมุมมองว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) จะอยู่ในทิศทางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เฟดยังไม่มั่นใจว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเพียงใด หรือปรับขึ้นมากเพียงใด นอกจากนี้ เฟดยังต้องการประเมินภาวะเศรษฐกิจหลังจากที่ได้ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วหลายครั้งในปีนี้

-- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐจะประชุมในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ซึ่งลดลงจากที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังหลังจากผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เมื่อวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยโอเปกต้องรอจนกว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงกับรัสเซียในวันนี้

โอเปกได้เสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งถึงแม้สมาชิก 15 ชาติของโอเปกต่างเห็นพ้องกันในหลักการเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน แต่โอเปกก็ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการลดกำลังการผลิต จนกว่าจะมีการหารือกับรัสเซียในวันนี้ โดยโอเปกระบุว่า ทางกลุ่มกำลังรอคำตอบจากรัสเซียเกี่ยวกับข้อเสนอตัวเลขการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของรัสเซีย

-- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

ผลสำรวจการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%

-- เงินหยวนกลับมาอ่อนค่าลงวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การจับกุมผู้บริหารของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน อาจส่งผลให้ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น

-- รายงานข่าวระบุว่า นางเหม็ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี และบุตรสาวผู้ก่อตั้งบริษัท ได้ถูกทางการแคนาดาจับกุมตัวตามคำขอของรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากทางการสหรัฐสงสัยว่า หัวเว่ยได้พยายามเลี่ยงคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐ โดยอาศัยบริษัทเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เป็นช่องทางหลบเลี่ยง

-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางการทรุดตัวของตลาดหุ้น

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจซบเซา หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะตามมา

-- นักลงทุนจับตาสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยศาลยุติธรรมยุโรป (ECJ) ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของสหภาพยุโรป (EU) จะแถลงคำวินิจฉัยครั้งประวัติศาสตร์ในประเด็นที่ว่า อังกฤษสามารถดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวในการยกเลิกกระบวนการ Brexit โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก EU ได้หรือไม่ ทั้งนี้ ECJ จะทำการแถลงดังกล่าวในวันที่ 10 ธ.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาในลักเซมเบิร์ก หรือ 15.00 น.ตามเวลาไทย

คำแถลงของ ECJ ถูกจับตามองจากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายที่สนับสนุนให้อังกฤษอยู่กับ EU ต่อไป และฝ่ายที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวจาก EU ขณะที่รัฐสภาอังกฤษกำลังดำเนินการอภิปรายต่อข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ที่นางเมย์ทำไว้กับ EU ก่อนที่รัฐสภาจะลงมติต่อข้อตกลง Brexit ในวันที่ 11 ธ.ค.

-- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัท เรโนลต์ เอสเอ คาดว่าจะหาข้อสรุปเบื้องต้นได้ในอีกหนึ่งสัปดาห์ว่า รายได้และผลประโยชน์อื่น ๆ ของนายคาร์ลอส กอส์น ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มพันธมิตร เรโนลต์-นิสสัน-มิตซูบิชิ ซึ่งถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมที่กรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น ได้เปิดเผยให้ผู้ถือหุ้นรับทราบถูกต้องหรือไม่

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 179,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. จากระดับ 225,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการจ้างงานภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 5.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 และเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.50 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากแตะระดับ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. การพุ่งขึ้นของตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเกิดจากการส่งออกถั่วเหลืองที่ลดลง ขณะที่การนำเข้าสินค้าเพื่อผู้บริโภคพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 225,000 ราย

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 60.7 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 59.7 หลังจากแตะระดับ 60.3 ในเดือนต.ค.

ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ชะลอตัวสู่ระดับ 54.7 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 54.8 ในเดือนต.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 2.1% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. การร่วงลงของคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อในหมวดขนส่ง เช่น เครื่องบิน และรถยนต์

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 7.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของ EIA สวนทางกับสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 448 ล้านบาร์เรล

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการรายงานในวันนี้ ทางการจีนเตรียมเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนพ.ย. เวลา 15.00 น. ตามเวลาไทย

ยูโรโซนเตรียมรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 เวลา 17.00 น. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.7%

สหรัฐเตรียมรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. เวลา 20.30 น. โดยผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. โดยเพิ่มขึ้น 250,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ สหรัฐมีกำหนดการรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 22.00 น.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ