World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 12, 2018 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลง 53.02 จุด หรือ -0.22% แตะที่ 24,370.24 จุด เมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องถูกปิดลง หรือชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษก็ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยเช่นกัน

ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนบวกระหว่างการซื้อขายช่วงแรก ขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก่อนจะปรับตัวลงในเวลาต่อมา หลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลถูกชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ 2 คนของสหรัฐได้เสนอร่างกฎหมายระงับการขายสินค้าของสหรัฐให้กับบริษัทจีนที่ละเมิดกฎหมายการส่งออกหรือการคว่ำบาตรของสหรัฐ

-- ศาลแคนาดาได้อนุญาตให้ประกันตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ หลังจากเพื่อนร่วมงานและครอบครัวของนางเมิ่งได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดและบ้านในการขอประกันตัว มูลค่ารวม 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีข้อแม้ว่า นางเมิ่งจะต้องยอมมอบหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวเอาไว้ที่ข้อเท้า และจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง

การตัดสินใจอนุญาตให้ประกันตัวนางเมิ่ง มีขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ทางการจีนได้เข้าควบคุมตัวนายไมเคิล คอฟริก อดีตนักการทูตชาวแคนาดา ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือของสถาบัน International Crisis Group (ICG) โดยเจ้าหน้าที่จีนยังไม่ได้เปิดเผยเหตุผลของการเข้าควบคุมตัวนายคอฟริก

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เดินทางเข้าพบ นายมาร์ค รุทท์ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อวานนี้ เพื่อหาทางออกให้กับร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำ EU ในวันที่ 13-14 ธ.ค.

อย่างไรก็ดี ผู้นำของ EU ส่งสัญญาณชัดเจนว่า พวกเขายินดีที่จะให้คำชี้แจงในประเด็นต่างๆต่อนางเมย์ แต่จะไม่มีการเจรจาต่อรองครั้งใหม่ต่อข้อตกลง Brexit ดังกล่าว โดยนางแมร์เคิลระบุจุดยืนของเยอรมนีว่าจะไม่มีการเจรจาทำข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่

ด้านนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า "ข้อตกลงที่เราได้ทำขึ้นถือเป็นข้อตกลงฉบับเดียวที่ดีที่สุดที่มีความเป็นไปได้ และเราจะไม่เปิดการเจรจาครั้งใหม่"

-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังเตรียมดำเนินการปรับลดอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ ลงสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 40% หลังจากที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้หารือกันทางโทรศัพท์ในวันนี้

รายงานข่าวดังกล่าวสอดคล้องกับข้อความในทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งระบุก่อนหน้านี้ว่า จีนได้ตกลงที่จะปรับลดภาษีรถยนต์สหรัฐจากระดับ 40%

-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานเดือนต.ค. ซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น 7.6% จากเดือนก่อนหน้า แตะที่ระดับ 8.632 แสนล้านเยน (ประมาณ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรซึ่งเป็นมาตรวัดการใช้จ่ายด้านทุนของภาคเอกชนนั้น ฟื้นตัวขึ้นในเดือนต.ค. หลังจากที่ร่วงลง 18.3% ในเดือนก.ย.

-- นิตยสารไทม์ประกาศยกย่องผู้สื่อข่าวที่ถูกสังหารหรือจำคุก เป็นบุคคลแห่งปีประจำปีนี้

ไทม์ระบุว่า สาเหตุที่ผู้สื่อข่าวดังกล่าวได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลแห่งปี เนื่องจากพวกเขาได้เผชิญความเสี่ยงอย่างมากในการแสวงหาความจริง และเปิดโปงความจริง

ไทม์ได้เปิดเผยหน้าปก 4 แบบในวันนี้ โดยเป็นภาพผู้สื่อข่าวจากภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ซึ่งได้แก่ นายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบียซึ่งถูกสังหารที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำกรุงอิสตันบูลในตุรกี, ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์เดอะ แคปิตัล กาเซ็ทท์ในเมืองแอนนาโพลิส รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐ ซึ่งถูกมือปืนกราดยิงจนทำให้ผู้สื่อข่าวเสียชีวิต 4 ราย, นางมาเรีย เรสซา ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าสำนักข่าว CNN และเป็นบรรณาธิการของ Rappler ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวของฟิลิปปินส์ ได้ถูกทางการฟิลิปปินส์จับกุมตัว เนื่องจากเว็บไซต์ดังกล่าวมักวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

ส่วนหน้าปกแบบที่ 4 ของไทม์แสดงภาพของนายวา โลน และนายจ่อ โซโอ ซึ่งเป็น 2 ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ที่ได้เปิดโปงการเข่นฆ่าชาวโรฮิงญาในเมียนมา โดยทั้ง 2 ถูกศาลเมียนมาตัดสินจำคุกคนละ 7 ปี หลังจากถูกจับกุมตัวในข้อหาทำผิดกฎหมายว่าด้วยการรักษาความลับทางราชการของเมียนมา โดยพบว่าพวกเขาครอบครองเอกสารเกี่ยวกับความรุนแรงในรัฐยะไข่

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยจีนจะเปิดเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนพ.ย. อียูจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนพ.ย. เยอรมนีเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตรียมจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ