รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลงนี้อย่างไม่มีกำหนด โดยนายกรัฐมนตรีอังกฤษมีกำหนดการขึ้นแถลงต่อรัฐสภาอังกฤษวันนี้
ทั้งนี้ นางเมย์ต้องขึ้นกล่าวต่อสภาสามัญชนในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะเผชิญกับความยากลำบาก หลังจากที่นางเมย์เพิ่งผ่านพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อไม่นานมานี้
-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทเรโนลต์ เอสเอ. ได้เรียกร้องให้บริษัทนิสสัน มอเตอร์ จัดการประชุมผู้ถือหุ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการฟ้องร้องดำเนินคดีในญี่ปุ่น และการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงชาวฝรั่งเศสขึ้นเป็นบอร์ดบริหารของนิสสันแทน
นายเทียร์รี บัลลอร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริษัทของเรโนลต์เปิดเผยในจดหมายที่ส่งถึงนายฮิโรโตะ ไซกาวา ซีอีโอของนิสสัย ระบุว่า ถ้อยแถลงฟ้องร้องต่อนิสสันของสำนักงานอัยการญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญให้กับเรโนลต์ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัท และสั่นสะเทือนความมีเสถียรภาพระหว่างพันธมิตรในแวดวงอุตสาหกรรมของทั้งสองบริษัท
-- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเช้านี้ นักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากจีนได้เปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกที่ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
ทางการจีนระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นมาตรวัดเศรษฐกิจที่สำคัญ ขยายตัว 5.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว 5.9% ส่วนยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ขยายตัว 8.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 8.6%
ทางด้านนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้ สู่ระดับ 1.9% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.0% นอกจากนี้ นายดรากียังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของยูโรโซนในปีหน้า สู่ระดับ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.8%
-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการส่งสัญญาณของเฟดเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อทรงตัวในเดือนพ.ย. และการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในเดือนพ.ย.
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ซึ่งลดลงจากที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า
-- ผลสำรวจของสำนักงานเกียวโดเปิดเผยว่า ประชาชน 65.8% ไม่เห็นด้วยกับการที่สภาไดเอทผ่านร่างกฎหมายรับชาวต่างชาติเข้ามาทำงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย.
ในผลการสำรวจทั่วประเทศซึ่งจัดทำขึ้นในระหว่างวันเสาร์และวันอาทิตย์ ผู้ตอบแบบสอบถาม 24.8% ระบุว่า พวกเขาสนับสนุนการผ่านร่างกฎหมายที่จะเปิดรับแรงงานจากต่างชาติ 345,150 รายเข้ามาทำงานในญี่ปุ่น เพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานขาดแคลน
-- นายรานิล วิกรมสิงเห หัวหน้าพรรคยูไนเต็ด เนชั่นแนล ปาร์ตี้ ซึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ได้กลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีศรีลังกาอีกครั้ง
ประธานาธิบดีไมตรีพาลา สิริเสนา ได้แต่งตั้งนายวิกรมสิงเหขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ หลังจากที่ศรีลังกาเผชิญวิกฤตการทางการเมืองอย่างหนักในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา
-- บริษัทไครสเลอร์ได้ประกาศเรียกคืนรถยนต์นำเข้า 216 คันในจีน หลังตรวจพบข้อบกพร่องในระบบควบคุมเครื่องยนต์
แถลงการณ์จากสำนักงานกำกับดูแลตลาดแห่งชาติจีนระบุว่า การเรียกคืนรถยนต์ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค. นั้น ประกอบด้วยรถยนต์รุ่นแปซิฟิกา ซึ่งผลิตในวันที่ 7 เม.ย. ถึง 27 มิ.ย. 2560
ใจความในแถลงการณ์ระบุว่า ข้อบกพร่องในระบบควบคุมเครื่องยนต์อาจส่งผลให้รถหยุดทำงานการคัน ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยทางบริษัทจะแจ้งผู้ใช้งานให้ทราบ และจะเร่งเปลี่ยนระบบดังกล่าวในทันที
-- โบอิ้ง โค ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐ ได้ประกาศเปิดโรงงานประกอบเครื่องบินโบอิ้ง 737 ขึ้นเป็นแห่งแรกในจีนวานนี้ โดยหวังที่จะสร้างยอดขายเอาชนะคู่แข่งอย่างบริษัทแอร์บัส ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลง
นอกจากนี้ โบอิ้งยังได้ส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737 ซึ่งประกอบขึ้นที่โรงงานในเมืองโจวซาน มณฑลเจ้อเจียง ให้กับสายการบินแอร์ ไชน่า ในระหว่างพิธีเปิดวานนี้ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองบริษัทมาร่วมเป็นสักขีพยาน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยยูโรสแตทจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนต.ค.และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของอียู ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียจะเปิดเผยรายงานการประชุม ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผย ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค.จากสถาบัน Ifo ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.