ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงทำสถิติปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในปี 2561 นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทั้งปี 2561 ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 5.6%, ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลง 6.2% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.9% โดยดัชนีทั้ง 3 ต่างปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งในปีดังกล่าว ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq รูดลง 33.8%, 38.5% และ 40% ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาในไตรมาส 4 ของปี 2561 พบว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 12% ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2552 ส่วนดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 13.97% และ 17.50% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2552
นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนพากันเทขายหุ้นในเดือนธ.ค. ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐวางแผนที่จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันพฤหัสบดีที่ 3 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งเป็นวันที่พรรคเดโมแครตครองจะเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการ โดยการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวในครั้งนี้จะทำให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิมีงบประมาณในการดำเนินงานไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ. นอกจากนี้ ร่างงบประมาณฉบับดังกล่าวยังรวมถึงการให้งบประมาณแก่หน่วยงานอื่นๆอีก 6 แห่งที่ถูกชัตดาวน์ ซึ่งรวมถึงกระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยและพื้นที่เขตเมือง
อย่างไรก็ตาม การผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ที่ 3 ม.ค.นี้ จะไม่รวมงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ตามที่ปธน.ทรัมป์เรียกร้อง
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้เชิญผู้นำในสภาคองเกรสทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมายังทำเนียบขาวในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า เขาต้องการ "ทำข้อตกลง" เพื่อยุติภาวะที่หน่วยงานของรัฐบาลต้องปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือภาวะชัตดาวน์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่ว่า การเจรจาจะสามารถยุติภาวะชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อมาถึงวันที่ 11
อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้นำพรรครีพับลิกันไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า พวกเขาจะตอบรับคำเชิญดังกล่าวของปธน.ทรัมป์หรือไม่
-- นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันขึ้นปีใหม่เมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า เกาหลีเหนือจะผลักดันให้กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีมีความคืบหน้ามากขึ้น พร้อมกับให้คำมั่นว่า เกาหลีเหนือจะไม่ทำการผลิตหรือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ นายคิมกล่าวว่า เกาหลีเหนือจะสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้มีความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือส่งคำเตือนไปยัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐว่า เกาหลีเหนืออาจจะเปลี่ยนแนวทางในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์หากสหรัฐไม่ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายคิมได้ประกาศความพร้อมที่จะพบปะกับประธานาธิบดีทรัมป์ทุกเมื่อ และได้เรียกร้องให้สหรัฐยุติการซ้อมรบทางทหารร่วมกับเกาหลีใต้
-- อุตสาหกรรมยารักษาโรคของจีนยังคงอยู่ในสภาวะที่ไม่สู้ดี หลังจากที่หุ้นกลุ่มดูแลสุขภาพของจีนร่วงลงเป็นมูลค่ากว่า 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนที่ผ่านมา
สถานการณ์ดังกล่าวได้รับปัจจัยมาจากการที่รัฐบาลจีนต้องการที่จะควบคุมราคายาในประเทศ โดยมีนโยบายให้ผู้ผลิตยารายเล็กที่สิทธิบัตรหมดอายุปรับปรุงและควบรวมกิจการหลังจากที่บริษัทเหล่านี้เคยมีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นในระดับที่สูง
-- ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มต้นปี 2562 ได้ไม่คึกคัก เนื่องจากติดช่วงเทศกาลวันหยุดในญี่ปุ่นและปีที่แย่สำหรับตลาดหุ้นโลกเพิ่งสิ้นสุดไป เนื่องจากปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งความซบเซา โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นไปจนถึงเยอรมนีตกอยู่ในขาลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นักลุงทุนอาจจับตาดูรายงานอัตราการจ้างงานของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.และการประชุมรายปีของสมาคมเศรษฐศาสตร์อเมริกัน ซึ่งจะมีการสัมภาษณ์นางเจเน็ต เยลเลนและนายเบน เบอร์นันเก อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ
-- นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เปิดเผยว่า นายอูร์จิต ปาเทล อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย ได้แจ้งต่อเขาเกี่ยวกับความประสงค์ในการลาออกจากตำแหน่ง หลายเดือนก่อนที่เขาจะประกาศลาออกในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
รัฐบาลอินเดียและธนาคารกลางอินเดียต่างก็มีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับนโยบายการเงิน และความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ขณะที่รัฐบาลหวังที่จะเข้าใช้ทุนสำรองของธนาคารกลางที่มีเป็นจำนวนมาก
-- นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย แสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะประสบชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพ.ค.นี้ แม้ว่ารัฐบาลเพิ่งพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งระดับรัฐเมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ พรรค BJP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ประสบความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งใน 3 รัฐเมื่อเดือนธ.ค. และถือเป็นความปราชัยครั้งใหญ่ที่สุดของนายโมดีนับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2557
-- ชาวฮ่องกงหลายพันคนพากันเดินขบวนเมื่อวานนี้ โดยเรียกร้องให้ฮ่องกงได้รับประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ และได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน รวมทั้งให้ฮ่องกงมีการปกครองที่เป็นอิสระจากจีน
ผู้จัดการชุมนุมกล่าวว่า มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงราว 5,500 คน ขณะที่ตัวเลขจากตำรวจอยู่ที่ระดับ 3,200 คน
ทั้งนี้ ฮ่องกงได้ถูกส่งมอบกลับคืนสู่การปกครองของจีนในปี 2540 ภายใต้การปกครองแบบ "1 ประเทศ 2 ระบบ" ซึ่งรัฐบาลจีนสัญญาว่าจะให้ฮ่องกงมีอิสระในการปกครองตนเอง
อย่างไรก็ดี สหรัฐและอังกฤษได้แสดงความกังวลในปีที่แล้วเกี่ยวกับเหตุการณ์ซึ่งได้บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อความเป็นอิสระของฮ่องกงภายใต้การปกครองของจีน ซึ่งได้แก่ การสั่งจำคุกบรรดานักเคลื่อนไหว, การสั่งห้ามพรรคการเมืองที่สนับสนุนให้ฮ่องกงได้รับอิสรภาพจากจีนทำการเคลื่อนไหวทางการเมือง, การประกาศห้ามนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยลงสมัครเลือกตั้ง และการขับไล่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศออกจากฮ่องกง
-- ทางการเกาหลีใต้ได้แสดงความพอใจต่อการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งนายคิมกล่าวว่า เกาหลีเหนือจะผลักดันให้กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีมีความคืบหน้ามากขึ้น พร้อมกับให้คำมั่นว่า เกาหลีเหนือจะไม่ทำการผลิตหรือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า สุนทรพจน์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของนายคิมว่า เกาหลีเหนือจะเดินหน้าผลักดันให้ความพยายามในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความตั้งใจในการสร้างสันติภาพอย่างถาวร และพัฒนาความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้
-- คอร์โลจิก บริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ราคาบ้านในออสเตรเลียได้ร่วงลงเกือบ 5% ในปี 2561 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซิดนีย์และเมลเบิร์น และยังทำสถิติย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากนักลงทุนสนใจลงทุนลดลง ขณะที่เงื่อนไขในการขอสินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้น
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า ราคาบ้านในออสเตรเลียจะยังคงซบเซาต่อเนื่องในปีนี้ด้วย
-- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 49.7 ในเดือนธ.ค. ลดลงจากเดือนพ.ย. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.2 โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนขยายตัวต่ำกว่า 50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2560
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว ขณะที่ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวในภาคการผลิต
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยมาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของสหรัฐ ฝรั่งเศส เยอรมนี อียู และอังกฤษ ส่วนทางด้านสหรัฐนั้น สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผย ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค. สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนธ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนพ.ย.