นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การตัดสินใจปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เมื่อเร็วๆ นี้ของธนาคารกลางจีน (PBOC) จะเป็นช่องทางดึงเงินทุนให้ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของจีนได้อย่างแท้จริง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา PBOC ได้ประกาศปรับลด RRR ลง 1% โดยจะมีการดำเนินการ 2 รอบ แบ่งเป็นการปรับลด RRR 0.5% ในวันที่ 15 ม.ค. และอีก 0.5% ในวันที่ 25 ม.ค. นอกจากนี้ โครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ที่จะครบกำหนดในไตรมาสแรกของปี 2562 จะถูกยุติไป ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้มีการระบายเงินสดประมาณ 8 แสนล้านหยวน (1.166 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยเพิ่มแหล่งเงินทุนกู้ยืมให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และภาคเอกชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกระตุ้นความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ควรตีความว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นหนึ่งในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
"ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) อย่างเป็นทางการในเดือนพ.ย.ร่วงลงแตะเส้น 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าจะขยายตัวหรือหดตัว โดยเป็นระดับต่ำสุดระดับใหม่ในปี 2561 ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าผู้ประกอบการขาดเชื่อมั่นต่อตลาด" กง ยู่หัง นักเศรษฐศาสตร์กล่าว
ทั้งนี้ ในรายงานของหนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี่ ของจีนฉบับวันจันทร์นั้น กงให้ความเห็นว่า การขาดความเชื่อมั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องเก็บภาษีอย่างหนัก และสถานการณ์ที่ยากลำบากทางการเงินสำหรับองค์กร
การตัดสินใจของ PBOC ครั้งนี้แตกต่างไปจากการปรับลด RRR ครั้งก่อน เนื่องจากเป็นการประกาศปรับลดโดยตรงในช่วงเริ่มต้นของปี ถือเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาที่เห็นได้ชัดของระบบเศรษฐกิจ นั่นคือการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการ และวางรากฐานสำหรับการดำเนินการที่มั่นคงทางเศรษฐกิจในปี 2562 นายซง เหลียง หัวหน้านักวิจัยแบงก์ ออฟ ไชน่า กล่าว
PBOC ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การปรับลด RRR จะช่วยลดต้นทุนการจ่ายดอกเบี้ยของธนาคารลง 2 หมื่นล้านหยวนในแต่ละปี และลดต้นทุนทางการเงินต่อเศรษฐกิจที่แท้จริง
"การปรับลด RRR ในครั้งนี้จะชดเชยความผันผวนของสภาพคล่องที่เกิดจากการอัดฉีดเงินสดก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีนในปีนี้ และช่วยให้สถาบันการเงินสามารถส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อยและเอกชน และตอบสนองต่อระบบเศรษฐกิจที่แท้จริงได้ดียิ่งขึ้น"
การประกาศของ PBOC เกิดขึ้นไม่นานภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เรียกร้องให้มีการสนับสนุนทางการเงินมากยิ่งขึ้นแก่ธุรกิจขนาดเล็ก ในระหว่างที่ได้เดินทางเยือนธนาคารของรัฐขนาดใหญ่ 3 แห่ง
นายหลี่กล่าวว่า รัฐบาลควรจะยึดมั่นในแนวทางการแสวงหาความก้าวหน้า ขณะที่ยังคงรักษาเสถียรภาพ รักษาความมั่นคง และความแข็งแกร่งของนโยบายมหภาคไว้ รวมถึงยกระดับการปรับตัวที่ตรงกันข้ามกับวัฏจักรเศรษฐกิจ การส่งเสริมนโยบายอาจรวมถึงการลดภาษี การปรับลด RRR ในทุกอุตสาหกรรม และการปรับลด RRR ตามเป้าหมาย
นักเศรษฐศาสตร์เห็นพ้องว่า การปรับลด RRR นั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับความคาดหวังของตลาด หลังจากมีการประชุมทางเศรษฐกิจเมื่อกลางเดือนธ.ค. ซึ่งได้กำหนดนโยบายทางการเงินของจีนปี 2562 ว่า "ไม่หลวมเกินไปหรือตึงจนเกินไป" ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณของโอกาสในการปรับเปลี่ยนนโยบาย
ทั้งนี้ นายหลี่กล่าวว่า กุญแจสำคัญสำหรับภาคการเงินในการรองรับเศรษฐกิจที่แท้จริงนั้นคือ การรับมือกับความต้องการในการรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะที่เหมาะสมและมีการจ้างงานที่มีเสถียรภาพ
สำนักข่าวซินหัวรายงาน