บริษัทเทคโนโลยีของจีนประมาณ 1,200 บริษัท ซึ่งรวมถึงยักษ์ใหญ่อย่าง JD.com และหัวเว่ย ตลอดจนสตาร์ทอัพอีกหลายแห่ง ได้นำนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์มานำเสนอที่งาน Consumer Electronics Show (CES) ซึ่งเปิดฉากขึ้นที่ลาสเวกัสเมื่อวานนี้
โดยบริษัทต่างๆของจีนได้พยายามที่จะขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศเพื่อรุกตลาดต่างประเทศ แม้ว่าจำนวนผู้จัดแสดงงานจะลดลงไปประมาณ 20% เนื่องจากจีนและสหรัฐยังอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรองเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดด้านการค้า
งาน CES 2018 มีบริษัทจีนเข้าร่วมงานสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 1,500 บริษัท ท่ามกลางความตึงเครียดที่แผ่ปกคลุมภาคธุรกิจเทคโนโลยีของสหรัฐ
แกรี่ ชาพิโร ประธานสมาคมเทคโนโลยีผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้จัดงาน กล่าวกับซินหัวว่า การจัดเก็บภาษีสินค้าจีนนั้นก่อให้เกิดต้นทุนกับภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐและผู้บริโภคชาวอเมริกันมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ชาพิโรเป็นห่วงว่า ข้อเสนอในการควบคุมการส่งออกของสหรัฐต่อเทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง AI ในขณะที่ AI, 5G และเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยตนเอง และเทคโนโลยีด้านดิจิทัลเฮลท์ ล้วนเป็นแนวโน้มที่ถูกจับตาในงาน CES 2019 แต่การควบคุมการส่งออกอาจจะสกัดการพัฒนา AI โดยเฉพาะอย่างในสหรัฐ
ผลิตภัณฑ์ที่จีนผลิตนั้นหาได้ง่ายในแทบจะทุกผลิตภัณฑ์ เช่น เอชดี ทีวี, หุ่นยนต์ และระบบค้าปลีกอัจฉริยะ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนพื้นที่ในงานประมาณ 14% โดยบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากของจีน โดยฉพาะด้านนวัตกรรมนั้น ต้องการที่เข้าไปทำธุรกิจในระยะยาวในตลาดสหรัฐ
iFLYTEK ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจีนที่เชี่ยวชาญด้านการแยกประเภทเสียงก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ต้องการเข้าไปทำธุรกิจในสหรัฐ ขณะที่คู่แข้งอย่างกูเกิลและอเมซอน ได้เปิดตัวเครื่องแปลอัจฉริยะที่ได้รับการอัพเกรดมาอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังได้รับรางวัล CES 2019 Innovation Award ในงาน
ชาร์ลีน ลี ผู้จัดการทั่วไปของ iFLYTEK North America กล่าวกับซินหัวว่า การขยายกิจการในตลาดสหรัฐอาจจะลำบากในช่วงแรก แต่ถ้าเราไม่วางแผนและเดินหน้า เราก็จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีและก็อาจจะสายเกินไป
หุ่นยนต์ Alpha Mini ที่พัฒนาขึ้นโดย UBITECH และ Mabot ที่พัฒนาขึ้นโดย Shenzhen Bell ซึ่งล้วนเป็นสตาร์ทอัพ ต่างก็ได้รับรางวัลในงาน
ชาพิโร กล่าวว่า บริษัทของจีนมาร่วมงาน CES ด้วยความตั้งใจที่หลากหลาย ทั้งต้องการที่จะพบกลุ่มผู้ขายหรือกลุ่มผู้ซื้อ ตลอดจนสร้างแบรนด์และสร้างพันธมิตร
ขณะที่ JD.com ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์อันดับ 2 ของจีน ซึ่งได้เปิดตัวที่งาน CES ในปีนี้ ได้ตั้งบูธภายในงานเพื่อจัดแสดงรถส่งสินค้าไร้คนขับสำหรับใช้งานในชุมชชนเมมือง รวมทั้งโดรนที่ใช้สำหรับส่งของในพื้นที่ชนบท
จาง เฉิน ผู้บริหารของ JD.com จะร่วมงานสัมนาที่จัดขึ้นในวันนี้ เพื่อแบ่งปันข้อมูลความเข้าใจในตลาดค้าปลีกของเอเชีย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสหรัฐสามารถทำธุรกิจในตลาดจีนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ส่วนหัวเว่ยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รายการที่งาน CES ได้แก่ แล็ปท็อปรุ่นไฮเอ็นด์และสมาร์ทวอทช์ ซึ่งจะจำหน่ายในสหรัฐในเดือนนี้ แต่สมาร์ทวอทช์ของหัวเว่ยนั้นยังไม่ได้จำหน่ายในตลาดสหรัฐ
ชาพิโร ยังได้เรียกร้องให้มีการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอย่างเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น "เมื่อคุณทำการค้ากับประเทศใดๆ คุณก็จะมีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์อันดับกับประเทศเหล่านั้น"
CES เป็นงานเทรดโชว์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆในแวดวงผลิตภัณฑ์อิเลคโทรนิคส์เพื่อผู้บริโภค งานจะจัดไปจนถึงวันศุกร์นี้ และคาดว่า จะดึงผู้เข่าร่วมชมงานได้ 180,000 ราย และผู้จัดแสดงงานประมาณ 4,500 ราย
สำนักข่าวซินหัวรายงาน