ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของภูมิภาคต่างๆภายในประเทศ หรือ "ซากุระ รีพอร์ท" ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจในระดับภูมิภาคของญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แต่ยังต้องระมัดระวังปัจจัยที่เกิดจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีมากขึ้น
ในรายงานประจำไตรมาสของ BOJ ธนาคารกลางได้ปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจของภูมิภาคฮอกไกโดทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวความรุนแรงถึง 6.7 แมกนิจูด จนทำให้ไฟฟ้าดับทั่วทั้งเกาะไปเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่าน และภูมิภาคชูโกกุที่อยู่ทางใต้ของประเทศ ซึ่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันเมื่อเดือนก.ค. คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 200 คน
ขณะเดียวกัน BOJ ก็ได้คงการประเมินในระดับเดิมไว้สำหรับ 9 ภูมิภาคที่เหลือ ได้แก่ โทโฮคุ, โฮคุริคุ, คันโต-โคชินเอตสึ, โตไก, คินคิ, ชิโกกุ และคิวชู-โอนิกาวา
นอกจากนี้ BOJ ยังเตือนด้วยว่า มีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากที่กำลังได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ชะลอตัว เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนซึ่งเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ แม้ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นไปอย่างจำกัดก็ตาม
ทั้งนี้ หนึ่งในผู้ผลิตเครื่องจักรกลสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตจากในภูมิภาคคันโต-โคชินเอตสึเปิดเผยว่า "คำสั่งซื้อจากจีนได้ชะลอตัวลง และเราก็กังวลกันว่าหากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐมีความรุนแรงมากขึ้น อุปสงค์ก็อาจจะอ่อนแอลงไปอีก"
ด้านนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะยังคงขยายตัวในระดับปานกลางต่อไป เพราะการปรับขึ้นค่าแรงจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนมีการใช้จ่ายมากขึ้น
นายคุโรดะเสริมว่า BOJ จะเดินหน้ารักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำต่อไปจนกว่าจะบรรลุเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมายที่ 2%