นักวิเคราะห์อาวุโสจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส คาดการณ์ว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สงครามการค้ากำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ จะผลักดันให้รัฐบาลจีนออกมาตรการใหม่ๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการบางอย่างอาจไม่เคยบังคับใช้มาก่อน
นักวิเคราะห์ยังกล่าวด้วยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่ระดับ 6% ซึ่งทำให้จีนมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายบางอย่าง และอาจดำเนินการบางอย่างเพื่อลดความเสี่ยงหรือลดภาระหนี้สินในระบบ แม้นโยบายเหล่านั้นจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยก็ตาม
การแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 จุด ทั้งตัวเลขอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) และตัวเลขจากไฉซินและมาร์กิต
ส่วนเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ขยายตัว 0.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 2.7%
อย่างไรก็ดี จีนได้ใช้ความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการออกมาตรการต่างๆในปีที่แล้วต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ โดยล่าสุด ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงเมื่อต้นเดือนม.ค. ซึ่งการปรับลด RRR ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 1 ปีของธนาคารกลางจีน โดยหวังว่าวิธีการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่จีนกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก หลังจากได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ