NNA ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาดำเนินกิจการอยู่ในภูมิภาคเอเชียพบว่า บริษัทส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลเรื่องการขึ้นค่าจ้างแรงงานในประเทศต่างๆมากที่สุด ในขณะเดียวกันก็มองว่า การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความเสี่ยงให้กับการดำเนินกิจการของบริษัท
การสำรวจดังกล่าวดำเนินการด้วยวิธีการสอบถามความคิดเห็นจากบรรดาเจ้าหน้าที่ของบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินกิจการอยู่ในเอเชียตะวันออก, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อินเดีย และออสเตรเลียจำนวน 630 คน โดยให้ผู้ร่วมสำรวจเลือกตอบคำถามถึงสิ่งที่เป็นความวิตกกังวลของพวกเขาจากความเสี่ยงทั้งหมด 13 ปัจจัย รวมถึงปัจจัยในด้านภาษีและพิกัดอัตราศุลกากร, ความมีเสถียรภาพทางการเมือง และความปลอดภัย ซึ่งผลปรากฎว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 479 คนระบุว่า ปัจจัยด้านแรงงานนับเป็นภัยคุกคามที่พวกเขากังวลกันมากที่สุด
"เราจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตออกไปยังประเทศอื่นๆ หากค่าแรงในประเทศที่เราดำเนินกิจการอยู่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" เจ้าหน้าที่บริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทยเปิดเผยระหว่างเข้าร่วมการสำรวจซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 26 พ.ย.- 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินกิจการอยู่ในสิงคโปร์นั้น 91% ระบุว่า สิ่งที่พวกเขากังวลก็คือการขาดแคลนแรงงานฝีมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี
ขณะที่ 86% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มาจากบริษัทญี่ปุ่นในไทยกล่าวว่า พวกเขากังวลกันถึงต้นทุนในเรื่องค่าแรง เช่นเดียวกับผู้ตอบแบบสอบถามจากบริษัทในเกาหลีใต้ที่มีกังวลในเรื่องดังกล่าวถึง 84% , อินโดนีเซีย 83% รวมถึงตัวแทนจากบริษัทในออสเตรเลีย, มาเลเซีย และเวียดนามอีกประเทศละ 80% ที่ระบุว่าเรื่องต้นทุนแรงงานเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังกังวลเช่นกัน
นอกจากนี้ 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังระบุอีกว่า ปัจจัยในเรื่องภาษีและพิกัดอัตราศุลกรเป็นความเสี่ยงที่พวกเขากังวล ขณะที่ 45% มีความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และอีก 42% วิตกกังวลกันถึงความเสี่ยงในเรื่องระบบกฎหมาย
ส่วนผู้ตอบแทบสอบถามที่มาจากบริษัทญี่ปุ่นในจีนถึง 77% ได้แสดงความกังวลกันถึงค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่รัฐบาลจีนกำลังพยายามจำกัดการไหลเข้าของแรงงานชนบทที่เข้ามาทำงานในเมือง และในขณะเดียวกัน 48% ของผู้เข้าร่วมการสำรวจยังมองอีกว่าเรื่องของภาษีและพิกัดอัตราศุลกากรในจีนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่พวกเขาต้องเผชิญ ขณะที่ข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐยังคงยืดเยื้อต่อไป