นางเอลิซาเบท วอร์เรน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ขอให้นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ อธิบายว่าเหตุใดเขาจึงโทรศัพท์พูดคุยกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่งของสหรัฐ ในช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นเรื่องไม่ปกติที่กระทรวงการคลังจะประกาศให้สาธารณชนรับทราบเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ในลักษณะดังกล่าว
"กระทรวงการคลังมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า สถาบันการเงินของประเทศกำลังเผชิญความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง อัตรากำไร หรือความเสี่ยงอื่นๆ ต่อการดำเนินงานของตลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หรือไม่" นางวอร์เรนเขียนข้อความในจดหมายที่ส่งถึงนายมนูชิน
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ว่า นายมนูชินได้โทรศัพท์หารือกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่งของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ผู้บริหารของโกลด์แมน แซคส์, เจพี มอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป โดยได้มีการพูดคุยกันในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ก่อนหน้า
กระทรวงการคลังระบุว่า ในระหว่างการพูดคุยนั้น ผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่เหล่านี้ต่างก็ยืนยันว่าธนาคารยังมีสภาพคล่องเพียงพอในการปล่อนสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภค
โดยหลังจากมีการประกาศข่าวดังกล่าวหนึ่งวัน ดัชนี S&P 500 ได้ร่วงลงไป 2.7% ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลเกี่ยวกับการพูดคุยของนายมนูชินกับเหล่าผู้บริหารธนาคาร
"เมื่อพิจารณาจากบทบาทที่ใหญ่โตของปัญหาสภาพคล่องในวิกฤติการเงินโลกเมื่อปี 2551 เราจึงต้องการที่จะเข้าใจให้มากขึ้นว่า ระบบธนาคารสหรัฐมีความเสี่ยงใดหรือไม่ ที่ทำให้ท่านเกิดความกังวล จนต้องออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะแบบที่ไม่ได้พบเห็นกันบ่อยนัก"
ขณะเดียวกัน นางวอร์เรนยังได้ส่งจดหมายถึงซีอีโอของ 6 แบงก์ใหญ่ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพุดคุยทางโทรศัพท์ของเหล่าผู้บริหารกับรมว.คลังด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ หลังเกิดวิกฤติการเงินโลกในปี 2551 นางวอร์เรนได้ออกโรงวิพาษ์วิจารณ์ตลาดวอลล์สตรีทอย่างรุนแรง พร้อมสนับสนุนให้มีการกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงินอย่างเข้มงวดมากขึ้น