คณะราชกรรมาธิการ (Royal Commission) แห่งออสเตรเลีย ได้เปิดเผยผลการตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกัน ผู้ให้บริการทางการเงิน และกองทุนบำเหน็จบำนาญ เมื่อวานนี้ หลังมีประชาชนร้องเรียนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการกระทำผิด โดยมีเป้าหมายเพื่อปฏิรูประบบธนาคาร
ผลการตรวจสอบดังกล่าวระบุว่า ทางการออสเตรเลียมีแผนที่จะคุมเข้มการดำเนินงานของสถาบันการเงิน พร้อมเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย (ASIC) พิจารณาดำเนินคดีในชั้นศาลต่อสถาบันการเงินที่มีการกระทำผิด โดยขณะนี้ทางคณะราชกรรมาธิการพบการกระทำผิดแล้ว 24 รายการ และได้ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับดูแลแล้ว
นอกจากนี้ คณะราชกรรมาธิการเปิดเผยว่าจะไม่มีการแก้ไขกฎหมายด้านการปล่อยกู้ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เองก็ได้มีมาตรการคุมเข้มการตรวจสอบความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอกู้อยู่แล้ว
สำหรับหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบอุตสาหกรรมการเงินออสเตรเลียนั้น ทางคณะราชกรรมาธิการเห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย และหน่วยงานเฝ้าระวังและกำกับนโยบายของออสเตรเลีย (APRA) โดยทั้งสองหน่วยงานนี้จำเป็นต้องประสานงานกัน และในอนาคตจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อประเมินการดำเนินงานของทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว
ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีการคาดการณ์กันว่า คณะราชกรรมาธิการของออสเตรเลียอาจเสนอให้สถาบันการเงินบางแห่งแยกธุรกิจหรือปิดการดำเนินงานเพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น สุดท้ายแล้วทางคณะราชกรรมาธิการได้ข้อสรุปว่า การแยกการดำเนินงานเป็นเรื่องที่มีต้นทุนสูงและยุ่งยาก ดังนั้นจึงยังไม่มีการสั่งให้แยกการดำเนินงาน
ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แวดวงการเงินของออสเตรเลียได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการกระทำผิดต่าง ๆ ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยขูดรีดลูกค้า ละเมิดกฎหมายป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
นายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้แสดงความกังวลว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียอาจเผชิญกับ "ผลกระทบที่รุนแรง" หากผลการตรวจสอบสถาบันการเงินนำไปสู่ภาวะชะงักงันในการปล่อยสินเชื่อ
นายมอร์ริสัน และนายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลคาดหวังที่จะเห็นสภาพคล่องที่ไหลลื่นในระบบการเงิน ซึ่งรวมถึงการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่หากเกิดสถานการณ์ที่ตรงกันข้าม ก็อาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงตามมา
การแสดงความเห็นของนายมอร์ริสันมีขึ้นในช่วงเวลาที่ธนาคารพาณิชย์ของออสเตรเลียกำลังเผชิญกับข่าวอื้อฉาว และมีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบหนักสุดในรอบหลายสิบปี อันเนื่องมาจากการตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย