World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 6, 2019 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส (State of the Union) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นการแถลงนโยบายประจำปีครั้งที่ 2 จากการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นปีที่ 3

ผู้นำสหรัฐได้ชูความสำเร็จทางเศรษฐกิจโดยระบุว่า นับตั้งแต่เขาก้าวเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี เศรษฐกิจสหรัฐก็ขยายตัวมากขึ้นเกือบสองเท่า มีการสร้างตำแหน่งงานใหม่มากกว่า 5.3 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบครึ่งศตวรรษ และค่าแรงเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบหลายสิบปี พร้อมย้ำว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐทำให้ทั่วโลกอิจฉา

สำหรับประเด็นความมั่นคงชายแดนนั้น ปธน.ทรัมป์ไม่ลืมที่จะเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยกล่าวว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่สภาคองเกรสจะต้องแสดงให้โลกเห็นว่า อเมริกามุ่งมั่นที่จะยุติการรับผู้ลี้ภัยที่ผิดกฎหมาย รวมถึงขจัดนักค้ายาและนักค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป

ผู้นำสหรัฐแสดงจุดยืนมาตลอดว่าจะไม่ยอมให้ประเทศเสียเปรียบทางการค้า และในการแถลงนโยบายครั้งนี้ เขาได้ประกาศว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะต้องมีการแก้ไขในประเด็นโครงสร้างและการขาดดุล

-- หนังสือพิมพ์โกลบ แอนด์ เมล ซึ่งเป็นสื่อของแคนาดารายงานว่า หัวหน้าทนายความของนางเมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีซึ่งถูกทางการแคนาดาจับกุมตามคำร้องขอของสหรัฐเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วนั้น เปิดเผยว่า ทีมทนายกำลังหาทางโต้แย้งเพื่อไม่ให้มีการส่งตัวนางเมิ่งไปดำเนินคดีในสหรัฐ ตามคำร้องขอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ

-- สื่อสหรัฐรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐวางแผนที่จะจัดประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ที่ประเทศเวียดนาม

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หนังสือพิมพ์โพลิทิโครายงานโดยอ้างคำกล่าวของปธน.ทรัมป์ที่เปิดเผยกับกลุ่มผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์กลุ่มหนึ่งว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะประกาศรายละเอียดของการประชุมสุดยอดดังกล่าวระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาในวันอังคารนี้

-- เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐอาจดำเนินมาตรการตอบโต้ หากประเทศพันธมิตรยังคงเพิกเฉยต่อคำเตือนเรื่องการห้ามร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของจีน เช่น บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ขณะที่สหรัฐเพิ่มแรงกดดันต่อชาติพันธมิตรในยุโรป

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดการเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อเข้าประชุมกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เกี่ยวกับข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แม้ว่าสหภาพยุโรป (EU) จะยืนยันว่าข้อตกลง Brexit ที่สหภาพยุโรปได้ทำไว้กับอังกฤษนั้น จะไม่มีการเจรจาต่อรองใหม่

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมทำการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น โดยเฟดได้ให้ข้อมูลมากขึ้นอย่างมากต่อบรรดาสถาบันการเงินเกี่ยวกับวิธีการดำเนินงานของธนาคารภายใต้แนวโน้มที่อาจจะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ

-- รัฐบาลสหรัฐเตรียมส่งนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐไปยังกรุงปักกิ่งในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เพื่อเดินหน้าเจรจาการค้า ก่อนที่จะถึงเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 1 มี.ค.

ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการยืนยันว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเข้าพบนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แม้ว่าทรัมป์เคยกล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะเข้าพบนายสี 1-2 ครั้ง ซึ่งการพบกันระหว่างสองผู้นำจะเป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นว่าข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีนใกล้เสร็จสิ้นลงแล้ว

-- โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เผยบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิของกลุ่มลงในปีงบประมาณ 2561 ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค. 2562 โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเงินเยนที่แข็งค่าสูงกว่าคาดการณ์

-- หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่า คณะรัฐมนตรีของอังกฤษได้จัดการประชุมลับเพื่อเจรจาเกี่ยวกับแผนการเลื่อนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ออกไปอีก 8 สัปดาห์ โดยจะเลื่อนจากกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค. ไปเป็นวันที่ 24 พ.ค.

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2561 ขยายตัว 5.17% ซึ่งถือเป็นสถิติการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 5 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ