World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 8, 2019 08:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่มีแผนที่จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ก่อนวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดไว้สำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้า

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อผู้สื่อข่าวถามปธน.ทรัมป์ว่า เขาจะพบปะกับปธน.สี จิ้นผิง ก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 1 มี.ค.หรือไม่ ปธน.ทรัมป์ตอบว่า "ไม่" และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการพบปะกับปธน.สี จิ้นผิงในเดือนมี.ค.หรือไม่ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้"

ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เข้าพบนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เมื่อคืนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

อย่างไรก็ดี การหารือดังกล่าวไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด ขณะที่นายยุงเกอร์ย้ำว่า EU จะไม่มีการเจรจาต่อรองใหม่เกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ที่ได้ทำไว้กับอังกฤษก่อนหน้านี้

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของยูโรโซนในปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะไม่คืบหน้า

-- จับตาตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ คาดปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความกังวลที่ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะไม่คืบหน้า โดยตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดทำการวันนี้เป็นวันแรกหลังปิดทำการไป 3 วันเนื่องด้วยเทศกาลตรุษจีน

-- คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของยูโรโซนในปีนี้ และปีหน้า จากการคาดการณ์ที่ว่าประเทศขนาดใหญ่ในยูโรโซนจะมีเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ และหนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ EC คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 1.3% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 1.9% ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะดีดตัวสู่ระดับ 1.6% ในปีหน้า

ก่อนหน้านี้ EC คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 1.9% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้า

นอกจากนี้ EC ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของ EU ซึ่งไม่รวมสหราชอาณาจักร จะมีการขยายตัว 1.5% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 2.1% ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะดีดตัวสู่ระดับ 1.8% ในปีหน้า

-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

นอกจากนี้ BoE ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปีนี้ สู่ระดับ 1.2% จากเดิมที่ระดับ 1.7% โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวต่อไปในปีนี้ สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัย Brexit และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

-- รัฐบาลเยอรมนียังไม่ออกคำสั่งห้ามบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ เข้าร่วมโครงการ 5G ของเยอรมนีในขณะนี้ หลังจากที่ทางคณะรัฐมนตรีได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ข้อสรุปดังกล่าวยังไม่เป็นที่สิ้นสุด โดยทางการเยอรมนีจะเดินหน้าประเมินสถานการณ์ต่อไป

ที่ผ่านมา หลายประเทศได้สั่งห้ามหัวเว่ยเข้าร่วมโครงการ 5G เนื่องจากวิตกว่าบริษัทอาจทำการจารกรรมข้อมูลให้แก่รัฐบาลจีน

-- กระทรวงอุตสาหกรรมอิตาลีออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวจากสื่อที่ระบุว่า รัฐบาลอิตาลีเตรียมออกคำสั่งห้ามบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ และบริษัท ZTE ซึ่งต่างก็เป็นบริษัทของจีน เข้าร่วมโครงการ 5G ของอิตาลี

อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงระบุเสริมว่า ความมั่นคงของชาติยังคงเป็นประเด็นที่มีความสำคัญสูงสุด และรัฐบาลจะทำการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ถ้าหากมีกรณีวิกฤตเกิดขึ้น

-- บริษัท ทวิตเตอร์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4

ทั้งนี้ ทวิตเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 31 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 25 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทระบุรายได้ที่ระดับ 909 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 868 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้บริการต่อเดือนอยู่ที่ระดับ 321 ล้านคน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยญี่ปุ่นจะเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนธ.ค. เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค. และฝรั่งเศสจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ