ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจถูกชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตคว้าน้ำเหลวในการเจรจาประเด็นความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้
-- นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ออกโรงเตือนประเทศพันธมิตรที่ติดตั้งอุปกรณ์จาก "หัวเว่ย เทคโนโลยี่" บริษัทด้านโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน โดยกล่าวว่า การทำสัญญากับหัวเว่ยอาจจำกัดความสามารถการใช้งานอุปกรณ์ของสหรัฐได้ และ หากอุปกรณ์ดังกล่าวติดตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับสถานที่ที่เราติดตั้งระบบสำคัญของสหรัฐเอาไว้ จะทำให้เป็นการยากสำหรับเราที่จะเป็นพันธมิตรที่อยู่เคียงข้างต่อไปได้ยากขึ้น
ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวที่ว่าว่าจะส่งสาส์นใดถึงหัวเว่ย นายปอมเปโอกล่าวว่า "เราต้องการให้แน่ใจว่าเราระบุถึงโอกาสและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว จากนั้นก็ให้พวกเขาเป็นผู้ตัดสินใจ"
ทั้งนี้ บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี เข้าลงทุนในฮังการีมูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ พร้อมตั้งเป้าให้เป็นฐานสำคัญในยุโรป อย่างไรก็ดี รัฐบาลสหรัฐที่ต้องการยกระดับความสัมพันธ์กับฮังการีและประเทศในยุโรปตอนกลาง เตือนว่า การใช้อุปกรณ์ของหัวเว่นในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอาจเป็นการเปิดประตูสู่ความเสี่ยงด้านความมั่นคงแทน
-- นายริชาร์ด เชลบี วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน เปิดเผยว่า ในการเจรจาระหว่างสมาชิกพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับงบประมาณความมั่นคงตามแนวชายแดนนั้น ทั้งสองฝ่าย "สามารถบรรลุข้อตกลงในหลักการ" หลังจากที่มีการประชุมร่วมกันในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ
นายเชลบีได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า พรรครีพับลิกันและเดโมแครตสามารถบรรลุข้อตกลงในหลักการ ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน ทั้งนี้ แม้ว่านายเชลบีไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่าสมาชิกทั้งสองพรรคสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เรื่องใดบ้าง แต่ก็กล่าวว่า จะมีการเจรจากันต่อไปเพื่อลงรายละเอียดในเรื่องนี้ ทั้งนี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างก็เร่งเจรจาในประเด็นงบประมาณความมั่นคงตามแนวชายแดน หลังจากการเจรจาคว้าน้ำเหลวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากพรรคเดโมแครตต้องการจำกัดจำนวนเตียงในสถานกักกันผู้อพยพที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย โดยหากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่งบประมาณชั่วคราวสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะหมดลง ปธน.ทรัมป์ก็อาจจะปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งหนึ่ง หรือเขาอาจยอมลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณ พร้อมกับใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส
-- นางเคลลีแอน คอนเวย์ ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวเปิดเผยกับฟอกซ์ นิวส์เมื่อวานี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐยังคงต้องการที่จะพบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เพื่อพยายามที่จะยุติสงครามการค้า ซึ่งเป็นสัญญาณในเชิงบวก ขณะที่ผู้เจรจาจากสองประเทศได้เริ่มเจรจาการค้ารอบล่าสุดในสัปดาห์นี้
"ท่านประธานาธิบดีต้องการที่จะพบปะหารือกับปธน.สี เร็วๆนี้" นางคอนเวย์เปิดเผย "ท่านต้องการทำข้อตกลงที่เป็นธรรมต่อชาวอเมริกัน ต่อคนงานและผลประโยชน์ของสหรัฐ"
ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนว่าผู้นำทั้งสองจะพบกันเพื่อทำข้อตกลงการค้าหรือไม่นั้น ทำให้เกิดความกังวลว่า การเจรจาการค้าจะล้มเหลวขณะที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายในการทำข้อตกลงในวันที่ 1 มี.ค.นี้ และหากไม่มีการทำข้อตกลงกันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรในการนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ขึ้นเป็นสองเท่า
-- เรือรบ 2 ลำของกองทัพสหรัฐแล่นเข้าใกล้เกาะที่จีนอ้างอธิปเตยในทะเลจีนใต้เมื่อวานนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลจีน ท่ามกลางสถานการณ์ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดขึ้นระหว่างสองบประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่จีนและสหรัฐยังคงเผชิญสงครามการค้า และทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันก่อนที่จะถึงเส้นตายวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งรัฐบาลสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเพิ่มอัตราเภาษีนำเข้าจาก 10% เป็น 25%
เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี 2 ลำของสหรัฐแล่นเข้าไปในระยะ 12 ไมล์ทะเลบริเวณแนวปะการังมิสชีฟ ในพื้นที่พิพาทหมู่เกาะสแปรตลีย์ของทะเลจีนใต้ ซึ่งโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวหาว่า "สหรัฐมุ่งมั่นที่จะยุยงปลุกปั่นปัญหาในทะเลจีนใต้ สร้างความตึงเครียดและบ่อรทำลายสันติภาพ พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐยุติการกระทำที่เป็นการยั่วยุด้วย
-- เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า อาจเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค. ในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะจัดการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จีนยืนยันว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ณ กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 14-15 ก.พ.นี้
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ไม่มีแผนที่จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก่อนวันที่ 1 มี.ค. อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า แม้ทั้งคู่จะไม่มีแผนพบหารือกัน แต่ผู้นำทั้งสองก็อาจสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงก่อนการประชุม และถ้าหากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมากในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค.
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าและบริการเพิ่มขึ้น 8.4 พันล้านปอนด์ สู่ระดับ 3.23 หมื่นล้านปอนด์ในปีที่แล้ว ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปัจจัยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยมีสาเหตุจากการนำเข้าของภาคบริการที่เพิ่มขึ้น 7.2 พันล้านปอนด์ โดยเฉพาะในภาคการขนส่ง, การท่องเที่ยว และธุรกิจภาคบริการอื่นๆ
นอกจากนี้ ONS ยังเปิดเผยว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าและบริการเพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 7.1 พันล้านปอนด์ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ประกอบด้วย ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนม.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ขณะที่จีนเตรียมเปิดเผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนม.ค. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนม.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนธ.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนม.ค. ออสเตรเลียจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากเวสต์แพค ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. อังกฤษเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. ส่วนอียูจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)