ตลาดการเงินยังคงจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่กรุงปักกิ่ง ในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยว่า เขาจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจากเดิมในวันที่ 2 มี.ค.ออกไป หากคณะเจรจาของสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า พร้อมกับกล่าวว่า เขาเปิดกว้างต่อการขยายกำหนดเวลาเส้นตาย แต่ก็ไม่ต้องการที่จะทำดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 2 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
-- เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า แม้ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่มีแผนที่จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก่อนวันที่ 1 มี.ค. แต่เชื่อว่าผู้นำทั้งสองอาจสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงก่อนที่จะมีการพบปะกัน และถ้าหากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมากในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค.
-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการที่จะดูเนื้อหาในข้อตกลงที่สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันเห็นพ้องกันในการหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ก่อนที่ปธน.ทรัมป์จะลงนามในข้อตกลงดังกล่าว
ข้อตกลงดังกล่าวมีการให้งบประมาณในการสร้างรั้วกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ได้เคยปฏิเสธที่จะลงนามในข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่มีการให้งบประมาณสร้างกำแพง 1.6 พันล้านดอลลาร์
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับรายงานที่ว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) รอบที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้า โดยมุมมองบวกที่มีต่อการเจรจาการค้าได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งและเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นกว่า 100 จุด
-- นายเควิน แมคคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) รอบที่ 2 ในวันที่ 15 ก.พ. ประสบความคืบหน้า
นายแมคคาร์ธีระบุว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราว โดยพรรคเดโมแครตมีท่าทีอ่อนลงต่อข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก
นายแมคคาร์ธียังกล่าวว่า นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้แสดงการคัดค้านต่อข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์ และขณะนี้ พรรคเดโมแครตเห็นพ้องต่อแนวคิดในการสร้างรั้วความยาวมากกว่า 55 ไมล์
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ได้รู้สึกมีความสุขต่อการที่สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 15 ก.พ.
"ผมไม่สามารถพูดว่าผมมีความสุข ผมไม่สามารถพูดว่าผมรู้สึกปลื้ม" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวว่าเขาจะลงนาม หรือจะวีโต้ข้อตกลงดังกล่าว โดยระบุแต่เพียงว่า เขาจะจัดการประชุมเพื่อหารือถึงเรื่องนี้ในเวลาต่อไป
ปธน.ทรัมป์กล่าวต่อไปว่า เขาไม่เชื่อว่าจะเกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งหนึ่ง
"เราไม่ต้องการเห็นการชัตดาวน์อีกครั้งหนึ่ง" ปธน.ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า เขาจะดูรายละเอียดของข้อตกลงดังกล่าว
-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเพื่อการศึกษาซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปี แวลลีย์ สเตท โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง แม้ว่าทั่วประเทศจะไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันก็ตาม
"ข้อมูลระดับประเทศแสดงให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และผลผลิตทางเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง" นายเจอโรมกล่าวในการประชุมดังกล่าวซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ
ประธานเฟดยังกล่าวด้วยว่า "เรารู้ว่า ในบางพื้นที่ไม่ได้รับรู้ถึงความเจริญรุ่งเรืองนั้น รวมไปถึงสถานที่หลายๆ แห่งในชนบท แต่เฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในการสร้างเสถียรภาพราคาและการจ้างงานอย่างเต็มที่"
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่เฟดเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย
-- นายมาร์โค รูบิโอ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันของสหรัฐเสนอกฎหมายต่อต้านนโยบาย " Made in China 2025" ของจีน ด้วยการจำกัดและเรียกเก็บภาษีการลงทุนจากบริษัทจีนที่เข้ามาดำเนินกิจการในสหรัฐ และเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่มาจากจีน
นายมาร์โคกล่าวในรายงานเรื่องผู้ประกอบการและธุรกิจขนาดเล็กของคณะกรรมาธิการสหรัฐว่า เขาต้องการให้มีมาตรการป้องกันและต่อสู้กับภัยคุกคามจากจีนที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ
นายมาร์โคระบุว่า "ชาวอเมริกันต่างก็รู้ดีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ประเทศของเราจะเป็นดินแดนแห่งการแบ่งปันโอกาสที่บรรพบุรุษของเรามาพบขณะที่พวกเขาเดินทางมาถึงดินแดนแห่งนี้ หรือจะกลายมาเป็นประเทศที่นิ่งเฉยต่อการต่อสู้กับการแบ่งปันสิ่งที่เหลืออยู่"
-- สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) รายงานว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
รายงานของ NFIB ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมร่วงลง 3.2 จุด สู่ระดับ 101.2 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2559 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มยอดขายในอนาคต และภาวะทางธุรกิจในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้
นอกจากนี้ รายงานของ NFIB ยังระบุว่า แม้ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมจะยังคงเคลื่อนไหวเหนือค่าเฉลี่ยที่ระดับ 98 จุด แต่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจนี้ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน อันเนื่องมาจากผลกระทบของการที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกชัตดาวน์เป็นเวลายาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ และผลกระทบจากภาวะไร้เสถียรภาพในตลาดการเงิน
-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.3 ล้านตำแหน่งในเดือนธ.ค.
โดยอัตราการเปิดรับสมัครงานในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 4.7% เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนพ.ย.
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 304,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง
-- นายจอร์จ โซรอส นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีพันล้าน ฉายาพ่อมดการเงิน กล่าวว่า ยุโรปควรตื่นจากหลับได้แล้ว และยอมรับว่ากำลังเผชิญกับภัยคุกคามขนานใหญ่จากภายในและภายนอก
นายโซรอสกล่าวว่า ยุโรปกำลังเดินละเมอไปสู่การถูกลืมเลือน และชาวยุโรปควรตื่นขึ้น ก่อนที่จะสายเกินไป ซึ่งหากไม่ตื่นขึ้นมา สหภาพยุโรปก็จะเป็นเหมือนกับสหภาพโซเวียต และลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ล่มสลายในปี 2534 นอกจากนี้ นายโซรอสระบุว่า สิ่งที่แย่ที่สุดคือผู้นำของยุโรป รวมทั้งประชาชนชาวยุโรปต่างก็ไม่ยินดีกับการรับรู้เรื่องนี้
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของอังกฤษ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ของอียู รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของสหรัฐ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่น เยอรมนี และอียูเตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561 ขณะที่จีนเตรียมเปิดเผยยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนม.ค. รวมถึงยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนม.ค. ด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.