รายงานจากภาคอุตสาหกรรมระบุว่า การลงทุน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำหรับของเศรษฐกิจจีน จะขยายตัวเร็วขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้จีนสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้นในปีนี้
รายงานจากสำนักงานฝ่ายวางแผนเศรษฐกิจและกลยุทธ์ของธนาคารแบงก์ ออฟ ไชน่า (ฮ่องกง) คาดว่า การลงทุนโดยรวมของจีนจะเพิ่มขึ้น 7.3% ในปี 2562 โดยเพิ่มขึ้น 1.4% จากปี 2561
ขณะที่สัดส่วนการลงทุนต่อการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน จะเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 2.64% หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่า การลงทุนจะมีส่วนช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2562 ในสัดส่วน 40%
ทั้งนี้ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจะยังคงมีสัดส่วนอย่างมากต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน แต่จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงด้านการเชื่อมโยงที่อ่อนแอและการปรับปรุงพื้นที่ซึ่งมีการพัฒนาน้อย
ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา สภาแห่งรัฐของจีนได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 9 ประเภท ได้แก่ ทางรถไฟ, ทางหลวงและทางน้ำ, สนามบิน การอนุรักษ์แหล่งน้ำ พลังงาน และการปกป้องสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเกษตรและการพัฒนาชนบท
สำหรับกลยุทธ์ด้านการพัฒนาที่สำคัญนั้น ส่วนใหญ่จะยังคงใช้การสร้างทางรถไฟและทางหลวง ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาร่วมปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย โครงการ Belt and Road Initiative โครงการแนวเขตเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Economic Belt) โครงการเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือ Greater Bay Area (GBA) และโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ เซียงอาน นิว แอเรีย (The Xiongan New Area)
การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในชนบทจะถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และส่งเสริมการพัฒนาหมู่บ้าน ในขณะที่การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเขตเมืองจะมุ่งเน้นไปที่ด้านการเคหะที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล การขนส่งสาธารณะ และการระบายน้ำ รวมถึงระบบป้องกันน้ำขัง
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาการและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เมื่อเดือนที่แล้วระบุว่า NDRC ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีเม็ดเงินลงทุนรวม 5 แสนล้านหยวน (ประมาณ 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสร้างทางรถไฟระหว่างเมือง รถไฟขนส่ง และสนามบิน
กระทรวงคมนาคม, บริษัทไชน่า เรลเวย์ คอร์ปอเรชั่น และสำนักบริหารการบินพลเรือนของจีน ได้กำหนดเป้าหมายการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับปีนี้ รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร 1.8 ล้านล้านหยวนบนทางหลวงและทางน้ำ, 8 แสนล้านหยวนในการลงทุนสร้างทางรถไฟ และอีก 8.5 หมื่นล้านหยวนในการก่อสร้างสนามบิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะมีการสร้างถนนในชนบทที่มีความยาว 200,000 กิโลเมตร และทางน้ำที่ยาว 400 กิโลเมตร ขณะที่จะมีการวางรางรถไฟใหม่ยาว 6,800 กิโลเมตร เพิ่มขึ้น 45% จากปีที่แล้ว
รายงานยังคาดการณ์ด้วยว่า การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของจีนจะเพิ่มขึ้น 8% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 3.8% ในปีที่แล้ว
รายงานระบุว่า แม้จีนจะสร้างเครือข่ายทางหลวงที่ใหม่และกว้างขวาง ขณะที่ความยาวของทางรถไฟความเร็วสูงคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของทั้งหมดในโลก แต่โครงสร้างพื้นฐานต่อหัวประชากรของจีนก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดการณ์ว่า การลงทุนของจีนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยระบุว่า การขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนั้นเป็นส่วนสำคัญของความพยายามในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคง
นักวิเคราะห์ของธนาคารแบงก์ ออฟ ไชน่า (ฮ่องกง) เรียกร้องให้จีนมุ่งให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ อินเทอร์เน็ตอุตสาหกรรม และ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT)
โครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่เหล่านี้ จะวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเปลี่ยนแปลง และยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต รวมทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ผลิตในการสร้างนวัตกรรม และผลักดันการเติบโตอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น การใช้ IoT จะเปลี่ยนรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนให้กลายเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีฟังก์ชั่นเสริมปัญญาประดิษฐ์
ออล วิว คลาวด์ ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเปิดเผยว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2561 ยอดขายสมาร์ททีวี มีสัดส่วนสูงถึง 49.5% ของยอดขายทีวีทั้งหมดของจีน โดยทีวีอัจฉริยะสามารถควบคุมด้วยเสียงและอนุญาตให้มีการโต้ตอบระหว่างคนกับเครื่องจักร ซึ่งแตกต่างไปจากทีวีธรรมดา
นอกจากนี้ รายงานยังคาดว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย ได้ลดลงอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว และนโยบายควบคุมอสังหาริมทรัพย์ในบางเมืองก็ได้เริ่มผ่อนคลายลง