ภาคธุรกิจสหรัฐเปิดเผยว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำให้ภาคธุรกิจต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอีก 2.7 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจดังกล่าวเรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่ม Tariffs Hurt the Heartland เป็นการรวมตัวของภาคธุรกิจที่ต่อต้านมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงกลุ่มพันธมิตร Americans for Free Trade และกลุ่ม Farmers for Free Trade
โฆษกของกลุ่ม Tariffs Hurt the Heartland กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันเป็นผู้พ่ายแพ้ในการทำสงครามการค้า ไม่ใช่คู่แข่งจากต่างประเทศ โดยได้รับผลกระทบจากการจ่ายภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการส่งออกที่ลดลง
ทางด้านสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์อาจเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนออกไปอีก 60 วัน จากเดิมในวันที่ 1 มี.ค หากมีสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์เคยขู่ว่า หากจีนและสหรัฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันที่ 1 มี.ค. เขาก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้