ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ 103.88 จุด หรือ 0.41%เมื่อคืนนี้ หลังจากทางการสหรัฐรายงานว่ายอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ร่วงลงหนักสุดในรอบ 9 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสินค้าผู้บริโภคดิ่งลง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของยอดขายในสินค้าทุกหมวด
-- นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวซึ่งรวมงบที่จะใช้สร้างรั้วกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์รอบที่สอง แต่ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็จะใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดน โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส
-- สภาคองเกรสสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งรวมงบที่จะใช้สร้างรั้วกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์รอบที่สอง โดยหลังจากนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเป็นลำดับต่อไป
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้บรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตที่ต้องใช้งบในการสร้างถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์ ตามที่ปธน.ทรัมป์ต้องการ
-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีนมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย โดยทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นที่สหรัฐเรียกร้องให้ทางการจีนปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ แม้คณะผู้แทนเจรจาของทั้งสองประเทศต่างก็พยายามหาทางที่จะบรรลุข้อตกลงให้ทันก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 มี.ค.ก็ตาม
รายงานข่าวระบุว่า จีนพยายามทำให้สหรัฐพอใจด้วยการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น แต่สหรัฐต้องการให้จีนเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งประเด็นดังกล่าวจีนไม่ได้หยิบยกขึ้นมาพูดคุยในการเจรจาครั้งนี้
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยายตัว 1.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนธ.ค. ที่มีการขยายตัว 1.9%
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนธ.ค.ที่มีการขยายตัว 0.9%
-- นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยในวันที่ 15-16 ก.พ. เพื่อหารือเชิงยุทธศาสตร์กับทางการไทย
นางหัวกล่าวว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยของนายหวัง อี้ มีขึ้นตามคำเชิญของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย
-- สื่อรายงานว่า เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เตรียมออกสกุลเงินดิจิทัลเป็นครั้งแรกในวงการธนาคารสหรัฐ โดยใช้ชื่อว่า"เจพีเอ็ม คอยน์"
เจพีมอร์แกน เชสเตรียมดำเนินการในช่วงทดลองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อใช้ "เจพีเอ็ม คอยน์" ในการชำระบัญชีระหว่างลูกค้าสถาบันโดยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งมีความรวดเร็วกว่าระบบการโอนแบบ wire transfer ในปัจจุบัน และถือเป็นการใช้สกุลเงินคริปโตในธุรกรรมธนาคารเป็นครั้งแรกของโลก
-- บริษัทอิเมอริส ทัลค์ อเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอิเมอริส เอสเอ ของฝรั่งเศส ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย โดยบริษัทประสบภาวะล้มละลาย หลังจากไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเกือบ 15,000 คดีที่มีการกล่าวหาว่าผลิตภัณฑ์แป้งทัลค์ของบริษัทเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งรังไข่
ทั้งนี้ อิเมอริสเป็นบริษัทซัพพลายเออร์ที่จัดส่งแป้งทัลค์ให้แก่บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันสำหรับการผลิตแป้งเด็ก
-- บริษัทโคคา โคล่า เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ โคคา โคล่าเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 7.06 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.04 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรที่ระดับ 43 เซนต์/หุ้น ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
-- ธนาคารบาร์เคลยส์ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่อ่อนแอในวันนี้
ทั้งนี้ บาร์เคลยส์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 4 โดยต่ำกว่าระดับ 2.8% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ส่วนเจพีมอร์แกน เชส ก็ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เช่นเดียวกัน โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 2.0% ในไตรมาส 4 โดยต่ำกว่าระดับ 2.6% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.1% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.1% เช่นเดียวกันในเดือนธ.ค. โดยการปรับตัวลงของดัชนี PPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 239,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งในช่วงปลายเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
-- ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการรายงานในวันนี้ อังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ในเวลา 16.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่อียูจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค.ในเวลา 17.00 น.
ทางด้านสหรัฐมีกำหนดการรายงานราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก เวลา 20.30 น. จากนั้นรายงานตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. เวลา 21.15 น. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 22.00 น.