นายเซาราบห์ กุปตา นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันจีน-อเมริกาศึกษาซึ่งตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน เปิดเผยว่า ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนรอบล่าสุดนั้น ถือเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนต่อทั้งสองฝ่าย "การเจรจาครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความไว้เนื้อเชื่อใจและเจตนารมณ์ที่ดีซึ่งเคยตกอยู่ในภาวะอันตรายมาก่อน และยังส่งสัญญานอันดีว่าจะมีผลลัพธ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย" นายกุปตากล่าวแสดงความเห็นกับสำนักข่าวซินหัว
"หากมองย้อนกลับไป การประชุมที่กรุงปักกิ่งเมื่อสัหดาห์ที่ผ่านมามีความสำคัญอย่างมาก" เขากล่าว "การประชุมช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่า การเจรจาได้ผ่านพ้นมาถึงจุดที่ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก"
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐได้ขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์จาก 10% เป็น 25% หากทั้งสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องความขัดแย้งด้านการค้าภายในวันที่ 1 มี.ค. อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะถึงกำหนดดังกล่าว การเจรจาของเจ้าหน้าที่ของจีนและสหรัฐมีความคืบหน้าในประเด็นที่สำคัญ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผ่านการทวีตข้อความว่า สหรัฐจะเลื่อนเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จากเดิมที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค. หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีความคืบหน้าในประเด็นต่างๆที่มีความสำคัญในเชิงโครงสร้าง ซึ่งรวมถึงประเด็นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา การถ่ายโอนเทคโนโลยี การเกษตร การบริการ ค่าเงิน และอีกหลายประเด็น
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า "เนื่องจากจีนและสหรัฐมีการเจรจาที่คืบหน้ามากขึ้น เราจึงวางแผนที่จะจัดการประชุมสุดยอดระหว่างท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผม โดยจะจัดขึ้นที่รีสอร์ท Mar-a-Lago ในรัฐฟลอริด้า เพื่อสรุปข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายทำร่วมกัน"