สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐเปิดเผยในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยื่นหนังสือต่อสภาคองเกรสเพื่อแสดงความจำนงในการยุติสิทธิพิเศษทางการค้ากับอินเดียและตุรกี ก่อนที่ประธานาธิบดีจะสามารถดำเนินการดังกล่าวตามอำนาจได้ใน 60 วันหลังจากนี้
ทั้งนี้ อินเดียและตุรกีได้รับสิทธิพิเศษให้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐราว 2,000 รายการ ซึ่งครอบคลุมถึงชิ้นส่วนรถยนต์, วาล์วสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม และวัสดุสิ่งทอ
รายงานประจำเดือนม.ค.ของสำนักงานวิจัยแห่งรัฐสภาสหรัฐพบว่า ในปี 2560 อินเดียเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางภาษีดังกล่าวมากที่สุดในโลก หรือคิดเป็นมูลค่าการยกเว้นภาษีราว 5.7 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ตุรกีได้ประโยชน์มากสุดเป็นอันดับ 5 ด้วยมูลค่าการยกเว้นภาษีเป็นจำนวนเงิน 1.7 พันล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ระบุในหนังสือดังกล่าวว่า "อินเดียไม่สามารถรับประกันได้ว่าสหรัฐจะสามารถเข้าถึงตลาดอินเดียอย่างเท่าเทียมและสมเหตุสมผล" โดยสหรัฐจะเริ่มดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของอินเดียตามโครงการสิทธิพิเศษทางภาษีทั่วไปในเดือนเม.ย. หลังจากที่มีบริษัทหลายแห่งออกมาร้องเรียนว่าพวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรค์ในการส่งออกผลิตภัณฑ์นมและอุปกรณ์การแพทย์ไปยังอินเดีย
อย่างไรก็ดี การพิจารณายกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากทั้งสองประเทศตอบสนองข้อเรียกร้องของสหรัฐ