ธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่อ่อนแอนั้น เป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจที่ซบเซาของเยอรมนีในช่วงครึ่งหลังของปี 2561
รายงานของบุนเดสแบงก์ระบุว่า เยอรมนีมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.83 หมื่นล้านยูโร (2.07 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนม.ค. 2562 ซึ่งน้อยกว่าในเดือนธ.ค. 2561 อยู่เกือบ 5 พันล้านดอลลาร์
สำหรับยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2561 ต่อตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีนั้น ลดลง 0.75% สู่ 7.25% เนื่องจากยอดเกินดุลการค้าสินค้าลดลงอย่างมาก
บุนเดสแบงก์ระบุว่า แม้การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศสดใส แต่การค้าโลกที่ชะลอการขยายตัวนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเยอรมนี นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นอย่างมากของราคาวัตถุดิบทั่วโลก เช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดการค้าสินค้าลดลงด้วย
บุนเดสแบงก์เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมร่วงลง 1.25% ในเดือนม.ค. 2562 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค. 2561 ซึ่งเป็นผลจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ร่วงลง 5.75%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บุนเดสแบงก์ยังระบุด้วยว่า การเปิดตัวระบบบำบัดก๊าซไอเสียตามมาตรฐานการตรวจสอบ Worldwide Harmonized Light Vehicles Test Procedure (WLTP) เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอตัวลง แต่ก็ไม่คาดว่า จะมีผลกระทบที่รุนแรงตามมาในอุตสาหกรรมรถยนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้
สำหรับตลาดแรงงานเยอรมนีปรับตัวสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงโดยรวม เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นปี 2562 โดยการจ้างงานในเยอรมนีในเดือนม.ค.เมื่อปรับค่าตามฤดูกาลแล้วนั้น เพิ่มขึ้น 79,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.