นางแทมมี บอลวิน วุฒิสมาชิสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครต ได้หยิบยกร่างกฎหมายเพื่อควบคุมการซื้อคืนหุ้นของบริษัทเอกชนมานำเสนออีกครั้งเมื่อวานนี้ ภายหลังจากบริษัทจดทะเบียนได้แห่ซื้อคืนหุ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงผลักดันจากมาตรการปรับลดภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
"กำไรของบริษัทเอกชนควรถูกแบ่งปันให้กับพนักงานที่มีส่วนร่วมสร้างธุรกิจของบริษัทเหล่านั้น คงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่บริษัทรายใหญ่จะกอบโกยรายได้มหาศาล อีกทั้งยังได้รับการลดหย่อนภาษีอย่างถาวร และให้รางวัลความมั่งคั่งแก่ผู้บริหารระดับสูงด้วยการซื้อคืนหุ้นเพิ่มขึ้น ในขณะที่ทางบริษัทกลับปิดโรงงานและเลย์ออฟพนักงาน" นางบอลวินกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นางบอลวินได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับผลกระทบของการซื้อคืนหุ้น โดยระบุว่า การซื้อคืนหุ้นเป็นการขัดขวางการเติบโตของค่าจ้าง และส่งผลให้ความไม่เท่าเทียมด้านรายได้ขยายกว้างขึ้น
รายงาน "S&P Dow Jones Indices" ระบุว่า บริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 ได้ซื้อคืนหุ้นเป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.23 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2561 ส่งผลให้ยอดรวมของการซื้อคืนหุ้นในปี 2561 อยู่ที่ระดับ 8.06 แสนล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้น 55.6% จากปี 2560
รายงานระบุว่า ยอดการซื้อคืนหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 อาจพุ่งแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2562 เนื่องจากสถานะเงินสดที่แข็งแกร่งทำให้บริษัทจดทะเบียนสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น แม้ว่าการเติบโตของรายได้จะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติก็ตาม