กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานคาดการณ์ล่าสุดว่า การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจหดตัวลงราว 30-70% ในระยะยาว หาก 2 ประเทศปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดอีก 25%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รายงานของ IMF ซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ระบุว่า อุปสงค์จากภายนอกประเทศที่ลดลงอย่างรุนแรง จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของทั้งจีนและสหรัฐ หดตัวลง โดย GDP ที่แท้จริงของสหรัฐจะหดตัวลงในช่วง -0.3 ถึง -0.6% และ GDP ของจีนจะหดตัวลง -0.5 ถึง -1.5%
IMF ระบุว่า ผลกระทบที่มีต่อจีนจะรุนแรงกว่า เนื่องจากการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนสูงสำหรับเศรษฐกิจจีน เมื่อเทียบกับการส่งออกของสหรัฐไปยังจีน ซึ่งไม่ได้มีสัดส่วนสูงสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ
ผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีนำเข้าที่มีต่อ GDP โดยรวมนั้น เพิ่มมากขึ้นสำหรับเยอรมนีและเกาหลีเหนือ ขณะที่ลดลงเล็กน้อยสำหรับจีนและญี่ปุ่นซึ่งมีภาคการผลิตที่ค่อนข้างใหญ่ และได้หลอมรวมเข้ากับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
สำหรับแคนาดาและสหรัฐ ซึ่งมีภาคการผลิตที่เล็กกว่า และมีการดำเนินการน้อยกว่าในแง่ของการรวมตัวระดับโลกนั้น ผลกระทบจึงมีแนวโน้มลดลง
IMF ระบุว่า ขณะที่ประเทศที่ 3 บางประเทศอาจได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางการค้า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น และจะส่งผลกระทบด้านลบต่อความเชื่อมั่น และทำให้ภาวะการเงินทั่วโลกตึงตัว โดยจะส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศส่วนใหญ่
นอกจากนี้ รายงานของ IMF ยังระบุว่า ในระยะยาว ขีดความสามารถทางการผลิตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากจีนและสหรัฐไปเป็นเม็กซิโก แคนาดา และเอเชียตะวันออก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นจะทำให้มีคนตกงานเป็นจำนวนมากในจีนและสหรัฐ