World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 4 เมษายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 4, 2019 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

วุฒิสภาของอังกฤษจะเริ่มหารือเกี่ยวกับกฎหมายที่จะบังคับให้นางเทเรซา เมย์ หาทางชะลอการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ เพื่อป้องกันการเกิด Brexit แบบไม่มีข้อตกลงในวันที่ 12 เม.ย. โดยมีเป้าหมายในการหารือก็เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับกฏหมายดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาในวันเดียว ซึ่งวุฒิสมาชิกจะเริ่มหารือเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่เวลา 1030 GMT (หรือราว 17.30 น.ตามเวลาไทย) ในวันนี้

-- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจรจาการค้า ในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 03.30 น.ตามเวลาไทยในวันศุกร์นี้ ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สหรัฐและจีนกำลังร่างข้อตกลงการค้า หลังนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าและนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้เริ่มเจรจารอบใหม่กับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งหากข้อตกลงดังกล่าวเป็นผลสำเร็จแล้ว ก็จะนำไปสู่พิธีลงนามระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน

-- การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิก G7 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศมีกำหนดเริ่มขึ้นในวันศุกร์นี้เป็นเวลา 2 วัน ที่เมืองดีนาร์ของฝรั่งเศส โดยที่ประชุมจะมุ่งเน้นหารือในประเด็นระดับภูมิภาค เช่น ประเด็นเกาหลีเหนือ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมไปถึงประเด็นระดับโลกเช่น การก่อการร้าย ความมั่นคงทางไซเบอร์ และความเท่าเทียมทางเพศ

-- สำนักงานการบินพลเรือนสหรัฐ (FAA) จัดตั้งทีมเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX นำโดยนายคริสโตเฟอร์ ฮาร์ท อดีตประธานคณะกรรมการความปลอดภัยด้านคมนาคมแห่งชาติและทีมผู้เชี่ยวชาญจาก FAA, องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (NASA )และเจ้าหน้าที่การบินจากนานาชาติ เพื่อตรวจสอบทางเทคนิคและวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ป้องกันเครื่องตกของเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุตก 2 ครั้งในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา

-- ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เปิดเผยในรายงาน "Asian Development Outlook 2019" ว่า ยอดส่งออกและอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2561 ของเวียดนามให้ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดย GDP ในปี 2561 ขยายตัวที่ระดับ 7.1% แต่ในปี 2562 และ 2563 นั้น ภาวะแวดล้อมในต่างประเทศที่อ่อนแอลงจะส่งผลให้ GDP ขยายตัวปานกลาง และทำให้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดหดแคบลงด้วย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพในปีนี้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า โดยคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวที่ 6.8% ในปี 2562 และ 6.7% ในปี 2563

-- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดนำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของสหรัฐในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค.อยู่ที่ระดับ 6.8 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 223,000 บาร์เรล/วันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.7 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 163,000 บาร์เรล/วันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ส่วนในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดนำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6.7 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 12.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.9 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล/วันจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

-- เจ้าหน้าที่ตำรวจนิวซีแลนด์เปิดเผยในวันนี้ว่า นายเบรนตัน ทาร์เรนท์ วัย 28 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงที่มัสยิด 2 แห่งในเมืองไคร์สเชิร์ชได้ถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาถึง 50 ข้อหา และข้อหาพยายามฆ่าอีก 39 ข้อหา โดยเขาจะเข้าให้การต่อศาลสูงเมืองไคร์สเชิร์ชในวันศุกร์นี้

-- ธนาคารกลางอินเดียมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 6% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกัน และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยธนาคารกลางอินเดียมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปของอินเดียจะมีขึ้นในเดือนนี้ ส่วนในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ธนาคารกลางอินเดียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 6.25%

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีร่วงลง 4.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนดังกล่าว หลังอุปสงค์จากประเทศนอกกลุ่มยูโรโซนร่วงลงอย่างต่อเนื่อง

-- นายริชาร์ด นีล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในสังกัดพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ประจำสภาผู้แทนราษฎรนั้น ได้เรียกร้องให้กรมสรรพากรสหรัฐ (IRS) เผยแพร่เอกสารขอคืนภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ครอบคลุมระยะเวลา 6 ปี หลังจากที่มีการตั้งประเด็นกันว่า การขอคืนภาษีของปธน.ทรัมป์นั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนและอาจมีการละเมิดกฎหมายภาษีด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ