กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่ระดับ 3.5% โดยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.6% ในปีหน้า ซึ่งเท่ากับการขยายตัวในปี 2561
"ดุลความเสี่ยงยังคงอยู่ในช่วงขาลง และการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจะทำให้มีการดีดตัวขึ้นของต้นทุนของสินค้านำเข้าขั้นกลาง, สินค้าทุน และราคาสินค้าขั้นสุดท้ายสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้า และความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ทางการค้า จะทำให้การลงทุนลดลง, ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และการขยายตัวของประสิทธิภาพการผลิตชะลอตัวลง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของภาคเอกชนลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน และฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" IMF ระบุ
ขณะเดียวกัน IMF ยังเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง, ความไม่แน่นอนทางการเมือง ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกจัดการเลือกตั้ง และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออก
นอกจากนี้ IMF คาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐในปีนี้ ที่ระดับ 2.3% และคาดว่ายูโรโซนมีการขยายตัว 1.3% โดยลดลง 0.2% และ 0.3% ตามลำดับจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.
สำหรับญี่ปุ่นนั้น IMF คาดการณ์การขยายตัวของญี่ปุ่นในปีนี้ ที่ระดับ 1.0% โดยลดลง 0.1% จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่การส่งออกซบเซา โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 0.5% ในปีหน้า โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิม
อย่างไรก็ดี IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของจีนในปีนี้ สู่ระดับ 6.3% โดยเพิ่มขึ้น 0.1% จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขการขยายตัวของการซื้อขายสินค้าและบริการทั่วโลก โดยปรับลดลง 0.6% สู่ระดับ 3.4% ในปีนี้ และลดลง 0.1% สู่ระดับ 3.9% ในปีหน้า