การประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ครั้งที่ 2 ได้ปิดฉากลงแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมราว 5,000 ราย โดยมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุม ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมโครงการ Belt and Road ทั้งในเรื่องการลงทุน ความเชื่อมั่น และการค้าในระดับนานาชาติ
ในส่วนของการลงทุนนั้น ปธน.สีเปิดเผยว่า การประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มีการลงนามข้อตกลงวงเงินรวมกันถึง 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ปธน.สีไม่ได้กล่าวถึงข้อตกลงในอนาคต ขณะที่ตัวปธน.สีเองก็ดูมีท่าทีที่อ่อนแรงลงเมื่อต้องกล่าวถึงอิทธิพลของโครงการ Belt and Road ในต่างประเทศ โดยกล่าวเน้นเพียงในเรื่องของมาตรการปราบปรามการฉ้อโกงเพื่อทำให้โครงการนี้โปร่งใส
สำหรับภาพลักษณ์ของโครงการ Belt and Road ในระดับนานาชาตินั้น ถือว่าจีนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะมีผู้นำจากประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมการประชุมนี้มากขึ้น โดยมีความสำเร็จครั้งสำคัญอยู่ที่การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับอิตาลีเมื่อเดือนที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดน ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G7 ที่ได้นำร่องข้อตกลงดังกล่าว
-- สำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย (ABF) เปิดเผยว่า ประชาชนหลายพันคนติดค้างอยู่ที่สนามบินในกรุงเมลเบิร์น ซิดนีย์ เพิร์ธ และบริสเบน หลังจากเกิดเหตุระบบตรวจรักษาความปลอดภัยล่ม จนส่งผลให้เที่ยวบินล่าช้าจำนวนมาก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ABF ยืนยันในวันนี้ว่า เกิดเหตุระบบล่มซึ่งส่งผลกระทบกับเครื่องตรวจสอบหนังสือเดินทางที่สนามบินทั้ง 4 แห่งดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก โดยที่สนามบินซิดนีย์ คิงส์ฟอร์ด สมิธ ซึ่งเป็นสนามบินที่คับคั่งที่สุดของออสเตรเลียนั้น ผู้โดยสารขาเข้ากว่า 2,000 คนต้องเข้าแถวที่จุดตรวจคนเข้าเมืองเป็นเวลานานถึง 90 นาที ซึ่งทำให้พนักงานต้องแจกจ่ายน้ำดื่มให้กับผู้โดยสารเหล่านี้
ทั้งนี้ ABF ได้ออกแถลงการณ์ว่า ทางสำนักงานกำลังทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ปัญหาระบบไอทีล่ม จนส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกที่สนามบินเหล่านี้
-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะคาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการเฟดจะจัดการประชุมเป็นเวลา 2 วัน โดยจะเริ่มประชุมในวันที่ 30 เม.ย. และจะแถลงมติการประชุมในวันที่ 1 พ.ค. ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 2 พ.ค.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยคาดว่านายพาวเวลจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งสัญญาณเกี่ยวกับงบดุลของเฟด
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ส่งสัญญาณว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐและญี่ปุ่น อาจจะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในเวลาที่เขาจะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในปลายเดือนพ.ค.นี้
ในการพบปะกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ทำเนียบขาวนั้น ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาต้องการให้ญี่ปุ่นยกเลิกการเก็บภาษีอัตราสูงกับสินค้าเกษตรของสหรัฐ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุด้วยว่า เขาและนายอาเบะกำลังร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดในความพยายามระหว่างประเทศที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และความร่วมมือทวิภาคีกำลังดำเนินไปได้อย่างดีมาก
-- กระทรวงมหาดไทยของสเปนเปิดเผยว่า ผลการนับคะแนนเบื้องต้นพบว่า พรรคสังคมนิยม (PSOE) ของนายเปโดร ซานเชส นายกรัฐมนตรีสเปน มีคะแนนนำในการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้
รายงานของกระทรวงระบุว่า ขณะนี้การนับคะแนนได้เสร็จสิ้นไปประมาณ 95.60% ซึ่งปรากฏว่า พรรคสังคมนิยมได้รับคะแนน 28.72% โดยจะได้ครอง 122 ที่นั่งในรัฐสภาซึ่งมีทั้งหมด 350 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม พรรคสังคมนิยมของนายซานเชสได้ที่นั่งในรัฐสภาไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ต้องรวมกับพรรคอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม
-- บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศจีน เตรียมเรียกคืนรถยนต์นำเข้ากว่า 23,978 คันที่ขายในจีน หลังพบปัญหาที่ล็อกประตูบกพร่อง
สำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า การเรียกคืนรถยนต์ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ก.ค. นี้ รวมถึงรถยนต์รุ่น Lincoln Continental จำนวน 23,978 คันที่ผลิตในช่วงเดือนมิ.ย. 24 2559 ถึง 18 ต.ค. 2561
-- เกิดเหตุกราดยิงในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ของสหรัฐ ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น โดยรายงานระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 7 ราย
สถานีโทรทัศน์ซีบีเอส บัลติมอร์ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นว่า เหตุกราดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งได้ออกมาทำอาหารรับประทานใกล้กับโบสถ์แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบัลติมอร์ตะวันตก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เหตุกราดยิงครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับโบสถ์ดังกล่าวหรือไม่
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีน พุ่งขึ้น 13.9% ในเดือนมี.ค. โดยพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับการร่วงลง 14% ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.
การผลิตและยอดขายของบริษัทเหล่านี้ เพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค. โดยมูลค่าอุตสาหกรรมรวมที่เพิ่มขึ้น ขยายตัว 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับระดับในเดือนม.ค.-ก.พ.
-- ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าจับในวันนี้ได้แก่ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของอียู ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.พ. และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดสาขาดัลลัส
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. และยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ขณะที่จีนเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนเม.ย. ด้านเยอรมนีเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากสถาบัน GfK, อัตราว่างงานและอัตราเงินเฟ้อในเดือนเม.ย. ส่วนอังกฤษเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2562 ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ.โดยเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จาก Conference Board