ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์เปิดเผยในงาน Automotive Press Association ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดีทรอยต์ของสหรัฐว่า บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ และบริษัทเฟียต ไครสเลอร์ ออโต้โมบิล (FCA) จะต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้นในตลาดจีน
สำนักข่าวดีทรอยต์ นิวส์ รายงานว่า นายไมเคิล ดันเน่ ซีอีโอของ ZoZo Go ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านรถยนต์ในตลาดจีนระบุว่า 3 ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับบริษัทสัญชาติจีน ในแง่ของการแข่งขันระบบการขับขี่ Auto 2.0, ยานยนต์ไร้คนขับ, รถยนต์ไฟฟ้า และมูลค่าของแบรนด์ ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ชาวจีนและบริษัทด้านเทคโนโลยีได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง
ด้าน 3 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งได้แก่ ไป่ตู้ อาลีบาบา และเทนเซนต์ ต่างมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในเทคโนโลยีหลัก ๆ อาทิ ยานยนต์ไร้คนขับ รถยนต์ไฟฟ้า และการเชื่อมต่อ
นายดันเน่ กล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐ "มีความอ่อนแอ" ในตลาดรถยนต์จีนซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แม้แต่รถยนต์ของ GM ซึ่งทำกำไรในจีนก็มีความเสี่ยง หลังจากยอดขายปรับตัวลงในปี 2561 ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกเมื่อเทียบรายปีในรอบ 10 ปี และในไตรมาส 1/2562
สำหรับรถยนต์ของสหรัฐที่ยังสามารถแข่งขันในตลาดจีนได้นั้น ยังคงเป็นรถยนต์แบรนด์หรู โดยเมื่อปีที่ผ่านมา รถยนต์รุ่น Cadillac จาก GM มียอดขายทั้งสิ้น 154,700 คันในสหรัฐ เมื่อเทียบกับระดับ 205,605 คันในจีน ส่วนรถยนต์รุ่น Lincoln จากฟอร์ด ซึ่งหวังที่จะยืนหยัดในตลาดเอเชียอย่างแข็งแกร่งนั้น มียอดขาย 55,315 คันในจีนเมื่อปีที่ผ่านมา เทียบกับระดับ 103,587 คันในสหรัฐ