ทั้งภาคเอกชนและสถาบันการเงินระหว่างประเทศในสหรัฐต่างแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน โดยแสดงความเชื่อมั่นทั้งด้วยวาจาและการกระทำ
การเพิ่มการลงทุนในจีน
โครงการลงทุนสหรัฐ-จีนซึ่งนำโดย Rhodium Group และคณะกรรมการด้านความสัมพันธ์สหรัฐ-จีนแห่งชาติ (NCUSCR) ได้เปิดเผยรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนสหรัฐได้เพิ่มการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพของจีนในปีที่ผ่านมา โดยมูลค่ากระแสการร่วมลงทุน (venture capital - VC) ระหว่างสหรัฐและจีน อยู่ที่ระดับประมาณ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานระบุว่า การลงทุนของ VC ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากบริษัทของสหรัฐ ซึ่งลงทุนสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในบริษัทสตาร์ทอัพของจีนในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 2 เท่าจากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งก่อนที่ 9.34 พันล้านดอลลาร์ในปี 2560
นายสตีเฟน ออร์ลินส์ ประธานของ NCUSCR ระบุในคำนำของรายงานดังกล่าวว่า "กระแสการลงทุนระดับสูงในปี 2561 ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ความต้องการเชิงพาณิชย์สำหรับการลงทุนข้ามแดนระหว่างประเทศของเรา ยังคงแข็งแกร่ง"
"ในจีนนั้น นักลงทุนสหรัฐยังคงใช้การลงทุน VC ส่วนน้อยในปี 2561 เพื่อเข้าถึงธุรกิจต่างๆ อาทิ การชำระเงินดิจิทัล บริษัทสตาร์ทอัพด้านอินเทอร์เน็ต และ คอนเทนต์ดิจิทัลอื่นๆ"
บรรดานักวิจัยระบุว่า แนวโน้มในระยะใกล้สำหรับการลงทุนโดยตรงของสหรัฐในจีนยังคงเป็นไปใน"เชิงบวก"
นายออร์ลินส์ระบุด้วยว่า "การลงทุนดังกล่าวถือเป็นจุดที่สดใสครั้งใหม่ในความสัมพันธ์ด้านการลงทุนแบบสองทาง"
"ค่อนข้างเชื่อมั่น" เกี่ยวกับการขยายตัวของจีน
นายชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ อิงค์ กล่าวในการสัมภาษณ์ว่า เขา"ค่อนข้างเชื่อมั่น" เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน
นายมังเกอร์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซีอีโอของเบิร์กเชียร์เปิดเผยกับยาฮู ไฟแนนซ์ว่า "จีนประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน"
จีน"มีประวัติความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ" และ สิ่งที่จีนประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจนั้นเกินความคาดหมายของเขา
นายมังเกอร์กล่าวด้วยว่า "ในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของโลก ไม่มีประเทศขนาดใหญ่ประเทศใดที่พัฒนาได้เร็วเท่านี้"
ส่วนนายบัฟเฟตต์ระบุในการให้สัมภาษณ์กับยาฮู ไฟแนนซ์ว่า "เราเพียงแต่ต้องรับประกันว่า การแข่งขันระหว่างสหรัฐและจีน จะไม่ทำให้เราไปถึงจุดที่เราไม่ได้ตระหนักว่า โลกที่ดีที่สุดนั้น เป็นโลกที่ทั้งสหรัฐและจีนมีความเจริญรุ่งเรือง"
ต่อข้อถามที่ว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ จะทำการซื้อกิจการขนาดใหญ่ในจีนหรือไม่นั้น นายบัฟเฟตต์ระบุว่า "คำตอบก็คือเราจะทำเช่นนั้น"
ความคาดหวังที่สูงขึ้น
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัวในเดือนเม.ย. นางกิตา โกปินาท หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ชื่นชมรัฐบาลจีนที่เปลี่ยนรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยความรวดเร็วอย่างมาก ไปเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพสูง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงไปสู่การขยายตัวที่ผลักดันโดยการบริโภคมากขึ้น แทนการผลักดันด้วยสินเชื่อและการลงทุน
นางโกปินาท ระบุว่า จีนได้ใช้ทั้งนโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การสัมภาษณ์นางโกปินาทจัดขึ้นนอกรอบการประชุมฤดูใบไม้ผลิตของ IMF และธนาคารโลก ซึ่ง IMF ได้เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ฉบับใหม่
WEO ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2562 เป็น 6.3% เพิ่มขึ้น 0.1% จากประมาณการครั้งก่อนในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา