บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนในวันนี้ว่า การที่สหรัฐพยายามกีดกันหัวเว่ยออกจากการทำธุรกิจในสหรัฐนั้น จะยิ่งทำให้สหรัฐล้าหลังในการพัฒนาโครงข่ายไร้สายในระบบ 5G และจะก่อให้เกิดประเด็นต่างๆทางกฎหมายตามมา
หัวเว่ยยังระบุด้วยว่า การที่สหรัฐปิดกั้นหัวเว่ยจากตลาดของสหรัฐนั้น จะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี 5G
แถลงการณ์ของหัวเว่ยระบุว่า การที่สหรัฐออกมาตรการคุมเข้มต่อหัวเว่ยในการทำธุรกิจในสหรัฐนั้น ไม่ได้ทำให้สหรัฐมีความปลอดภัยมากขึ้นหรือแข็งแกร่งมากขึ้น แต่กลับจะทำลายผลประโยชน์ของบริษัทและผู้บริโภคของสหรัฐในท้ายที่สุด ขณะเดียวกัน การกีดกันหัวเว่ยจะทำให้การบริการระบบ 5G ในสหรัฐเป็นไปอย่างจำกัด ซึ่งจะนำไปสู่ทางเลือกอื่นที่มีต้นทุนสูงกว่า และจะทำให้สหรัฐกลายเป็นประเทศล้าหลังในการติดตั้งระบบ 5G
"การดำเนินมาตรการอันเข้มงวดเช่นนี้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิของหัวเว่ย และก่อให้เกิดประเด็นทางกฎหมาย" แถลงการณ์ของหัวเว่ยระบุ
ถ้อยแถลงของหัวเว่ยมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อห้ามบริษัทของสหรัฐจากการใช้เทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่พุ่งเป้าอย่างชัดเจนไปที่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน