จับตาการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อห้ามบริษัทของสหรัฐจากการใช้เทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่พุ่งเป้าอย่างชัดเจนไปที่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐและจีนทำการตอบโต้กันในสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
-- ตลาดหุ้นเอเชียส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึง บริษัทซิสโก้ ซิสเต็มส์ และวอลมาร์ท โดยรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนเบนความสนใจออกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่กำลังดุเดือด
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า เขาหวังว่าสหรัฐไม่ต้องทำสงครามกับอิหร่าน ท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มขึ้น
สื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีความต้องการที่จะใช้แนวทางทางการทูตกับอิหร่าน รวมทั้งการเจรจาโดยตรงกับผู้นำอิหร่าน แต่ก็มีความกังวลต่อการที่ที่ปรึกษาบางคนของเขามีแนวโน้มผลักดันการทำสงครามกับอิหร่าน
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ได้รับอำนาจจากสภาคองเกรสในการทำสงครามกับอิหร่าน
-- สหภาพยุโรป (EU) สั่งปรับธนาคารยักษ์ใหญ่ 5 แห่ง ฐานสมรู้ร่วมคิดในการปั่นค่าเงิน
ทั้งนี้ นางมาร์เกรท เวสทาเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการต่อต้านการผูกขาดของ EU ได้สั่งปรับธนาคารบาร์เคลย์ส, ซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน, รอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ และมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ (MUFG) เป็นเงินรวม 1.07 พันล้านยูโร (1.2 พันล้านดอลลาร์) ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการปั่นค่าเงิน 11 สกุลในตลาดสปอต โดยผลการสอบสวนของ EU ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาพบว่า เทรดเดอร์ที่มีหน้าที่ซื้อขายเงินตราของธนาคารเหล่านี้ ได้ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่อ่อนไหว และมีการปรึกษาแผนการซื้อขายในห้องแชทรูมออนไลน์หลายแห่ง
-- บริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาสแรกสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้ต่ำกว่าคาด โดยได้รับผลกระทบจากค่าเงิน
ทั้งนี้ วอลมาร์ทระบุว่า บริษัทมีกำไร 1.13 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.02 ดอลลาร์/หุ้น อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 1.2393 แสนล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.2503 แสนล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 3.4% ในสหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.3%
-- บริษัทซิสโก้ ซิสเต็มส์ อิงค์ เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินบริษัทที่สิ้นสุดวันที่ 27 เม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ ซิสโก้ระบุว่า บริษัทมีกำไร 78 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 77 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.296 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.289 หมื่นล้านดอลลาร์
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 5.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.235 ล้านยูนิต จากระดับ 1.168 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะอยู่ที่ระดับ 1.205 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 212,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงสู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ สหรัฐมีกำหนดรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 21.00 น. ตามเวลาไทย