นายไมเคิล เพียร์ซ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของแคปิตอล อีโคโนมิกส์เปิดเผยในการประชุมประจำปีของบริษัทว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ในขณะนี้ หากเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
นายเพียร์ซกล่าวว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ภายในสิ้นปี 2562 และปรับลดลงอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2563
แคปิตอล อิโคโนมิกส์คาดว่า สหรัฐจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่า 2% ในไตรมาสต่อๆ ไป เนื่องจากผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมา
นายเพียร์ซกล่าวว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เมื่อเทียบรายปีของสหรัฐจะลดลงสู่ระดับ 1.7% ในไตรมาส 2/2562 ซึ่งต่ำกว่ากว่าขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 1/2562
แคปิตอล อีโคโนมิกส์คาดว่า การขยายตัวของ GDP สหรัฐเมื่อเทียบรายปีจะลดลงสู่ราว 1% ในไตรมาส 3/2562 และไตรมาส 4/2562 ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2563
นายเพียรซ์ระบุว่า มีความเป็นไปได้ 1 ใน 3 ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มจะไม่รุนแรงและเป็นเพียงระยะสั้นๆ
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ 70% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% หรือมากกว่าภายในสิ้นปีนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในการประชุมนโยบายของเฟดในวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค.นั้น เฟดได้ลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในช่วง 2.25-2.50% และระบุว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้