ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นได้เปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า การที่สหรัฐออกคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีนซื้อเทคโนโลยีจากสหรัฐนั้น อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทและการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่น
นายอาโสะ กล่าวว่า "บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งเป็นผู้จัดหาวัสดุอุปกรณ์บางส่วนให้กับหัวเว่ย และมีห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวโยงกันอยู่ จึงอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อญี่ปุ่นทั้งทางตรงและทางอ้อม"
การแสดงความเห็นของรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นมีขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐได้นำชื่อของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ และบริษัทในเครือ 70 แห่ง เข้ารวมอยู่ใน "Entity List" ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อของบริษัทโทรคมนาคมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐเข้าซื้ออุปกรณ์ต่างๆโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ
เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะสร้างความยากลำบากให้กับบริษัทหัวเว่ยในการขายผลิตภัณฑ์ เนื่องจากหัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่สุดของโลก ต้องพึ่งพาบรรดาซัพพลายเออร์ในสหรัฐ
ภายใต้คำสั่งดังกล่าว หัวเว่ยจำเป็นต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐเพื่อซื้อเทคโนโลยีจากบริษัทสัญชาติอเมริกัน