World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 23, 2019 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบรูโน เลอ แมร์ รมว.คลังฝรั่งเศส กล่าวว่า บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ จะไม่ถูกแบนจากโครงการเปิดตัวเครือข่าย 5G ของฝรั่งเศส ถึงแม้ว่าสหรัฐได้สั่งห้ามหัวเว่ยเข้าร่วมโครงการ 5G โดยอ้างถึงภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ

"เรามีจุดยืนที่แตกต่างจากสหรัฐในเรื่องนี้ โดยเราไม่ต้องการพุ่งเป้าไปที่บริษัทใดๆ และในวันนี้ มีผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์มือถือหลายรายที่ได้ร่วมมือกับโครงการ 4G กับหัวเว่ย" เขากล่าว

นายเลอ แมร์กล่าวว่า ฝรั่งเศสจะตัดสินใจสร้างโครงสร้างพื้นฐานของระบบ 5G โดยอิงจากความมั่นคงภายใน และผลงานด้านเทคโนโลยี

-- อินเดียเริ่มการนับคะแนนเลือกตั้งในวันนี้ ซึ่งผลสำรวจชี้ตรงกันว่า นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง และจะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 2 หลังจากที่การตัดสินใจเข้าโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังก่อการร้ายในปากีสถานในช่วงปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ช่วยให้รัฐบาลมีเสียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น

คณะกรรมการการเลือกตั้งของอินเดียจะเริ่มนับคะแนนในเวลา 8.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้

-- ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษของนางเทเรซา เมย์ อาจต้องสั่นคลอน หลังจากที่รัฐมนตรีระดับสูงประกาศลาออก ขณะที่มีข่าวลือว่า บรรดารัฐมนตรีของอังกฤษอาจจะปลดนางเมย์ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากแผน Brexit ของนางเมย์ ไม่ได้รับการสนับสนุน

ในจดหมายลาออก นางแอนเดีย ลีดซัม กล่าวว่า เธอไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถรับมือกับผลประชามติการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปเมื่อปี 2559 ได้

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน ในข้อหากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,776.61 จุด ลดลง 100.72 จุด หรือ -0.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,856.27 จุด ลดลง 8.09 จุด หรือ -0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,750.84 จุด ลดลง 34.88 จุด หรือ -0.45%

-- ผู้พิพากษาศาลเขตนิวยอร์กตัดสินให้สภาคองเกรสมีอำนาจในการขอรายการธุรกรรมทางการเงินของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ตามที่ทางคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่นำโดยพรรคเดโมแครตเคยขอไว้กับธนาคาร 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารดอยซ์แบงก์ และธนาคารแคปิตอลวัน ซึ่งคาดกันว่าทนายความประจำตัวปธน.ทรัมป์ จะขออุทธรณ์เร็ว ๆ นี้

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเคยออกหมายศาลต่อธนาคารทั้ง 2 แห่งเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อขอรายการธุรกรรมทางการเงินดังกล่าวและนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม แต่ยังไม่มีสภาพบังคับตามกฎหมาย เนื่องจากฝั่งปธน.ทรัมป์ได้คัดค้าน ขณะที่ทางคณะกรรมการจะให้เวลาธนาคารทั้ง 2 แห่งเป็นเวลา 7 วันก่อนที่หมายศาลดังกล่าวจะมีสภาพบังคับในท้ายที่สุด

-- ชาวอินโดนีเซียหลายร้อยคนได้ถูกควบคุมตัว และบางรายเสียชีวิตในเหตุประท้วงรุนแรงในกรุงจาการ์ตาเมื่อวานนี้ หลังการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ในช่วงเย็นวานนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงหลายร้อยคนได้เริ่มขว้างปาก้อนหินที่บริเวณสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (Bawaslu) ซึ่งผู้ประท้วงได้มาชุมนุมกันตั้งแต่ช่วงเช้าวันอังคาร

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ประท้วง 257 รายได้ถูกควบคุมตัว ซึ่งรวมถึง 166 คนในจาการ์ตาตะวันตก ที่ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมพกพาระเบิดขวด ก้อนหิน และประทัด และได้จุดไฟเผาที่พักตำรวจและรถยนต์หลายสิบคัน

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 30 เม.ย. - 1 พ.ค. โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดยังคงเน้นย้ำถึงการ "ใช้ความอดทน" ในการดำเนินนโยบายการเงิน พร้อมระบุว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้

รายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ระบุว่า "กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) นั้น ยังคงเป็นแนวทางที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการขยายตัวปานกลางและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องก็ตาม"

-- หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า จีนกำลังพิจารณาออกมาตรการที่มีความรุนแรงมากขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ

ทั้งนี้ ในบทความที่ชื่อว่า "การทำสงครามการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ และการแบนหัวเว่ย ทำให้จีนทบทวนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับสหรัฐ" ระบุว่า "ในขณะที่จีนเปิดกว้างต่อการเจรจาการค้าครั้งใหม่กับสหรัฐ แต่ที่ปรึกษาของรัฐบาลกำลังจับตาความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญจากทางสหรัฐที่มีความมุ่งร้ายมากขึ้น และจีนกำลังมองหาทางลดการพึ่งพาสหรัฐ โดยจีนกำลังพิจารณาลดการซื้อก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐ"

-- นายกุย เทียนไค เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะจัดการเจรจาการค้าครั้งใหม่กับสหรัฐ แต่สหรัฐมักทำการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเกี่ยวกับการทำข้อตกลงชั่วคราว

ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เขายังไม่มีกำหนดการเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ส่งสัญญาณเมื่อวานนี้ว่า จีนพร้อมที่จะทำสงครามการค้าที่ยืดเยื้อกับสหรัฐ

"เราอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทัพทางไกล (Long March) เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาที่กองทัพแดงได้เริ่มออกเดินทัพ" ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวปราศรัยที่มณฑลเจียงสี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ