ธนาคารโลกคาดการณ์ในวันนี้ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.2% ในปี 2562 และ 6.1% ในปี 2563
ธนาคารโลกเปิดเผยรายงานบ่งชี้ว่า ขณะที่สถานการณ์ภายนอกประเทศส่งผลบวกน้อยลง เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอลง และความตึงเครียดด้านการค้าเพิ่มขึ้นนั้น เศรษฐกิจจีน จำเป็นต้องพึ่งพาอย่างมากต่ออุปสงค์ภายในประเทศ เพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายมาร์ติน ไรเซอร์ ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศจีนกล่าวว่า "ในการรับมือกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และภาวะภายนอกประเทศที่ส่งผลบวกน้อยลงนั้น รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลังที่เน้นมาตรการจูงใจทางภาษี"
เขากล่าวว่า "ขณะที่รัฐบาลกลางมีนโยบายการคลังที่จะเพิ่มการใช้จ่ายหากจำเป็น มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมควรจะได้รับเงินทุนสนับสนุนอย่างเหมาะสมทั้งทางตรงในระดับรัฐบาลกลาง หรือผ่านการโอนงบการคลังเพิ่มเติมให้กับมณฑลต่างๆ โดยการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้านสุขภาพ การศึกษา และ การปกป้องทางสังคม อาจช่วยหนุนอุปสงค์ และปรับปรุงคุณภาพของบริการต่างๆ หากผนวกเข้ากับการปฏิรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ"
รายงานระบุว่า ในปี 2562 การปรับลดภาษีและค่าธรรมเนียมครั้งใหม่ รวมถึงการเพิ่มเพดานที่สูงขึ้นสำหรับการกู้ยืมในงบประมาณของรัฐบาลท้องถิ่นนั้น อาจทำให้ยอดขาดดุลโดยรวมสูงขึ้นสู่ระดับประมาณ 5.9% ของ GDP
รายงานยังระบุด้วยว่า การส่งออกสุทธิไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นแรงหนุนในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่อัตราภาษีนำเข้าใหม่ จะมีผลกระทบ และ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอลง
นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า ความตึงเครียดด้านการค้าที่ลุกลาม ความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อ่อนแอ และการขยายตัวของการค้าโลกที่ชะลอตัวนั้น คาดว่าจะถ่วงการลงทุนและการส่งออกในปี 2563 และส่งผลให้มีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีหน้า ลงสู่ 6.1%