สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของรัฐ (SCIO) ได้เผยแพร่สมุดปกขาวในวันนี้ เพื่อให้ข้อมูลภาพรวมเกี่ยวกับการเจรจาทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ และเสนอการวางนโยบายของจีนในการเจรจานี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานดังกล่าวมีหัวข้อว่า "การวางตัวของจีนในการเจรจาเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ" โดยใช้พื้นที่ถึง 3 ส่วนเพื่ออธิบายรายละเอียดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดจากการยั่วยุของสหรัฐ การที่สหรัฐผิดคำพูดที่มีต่อข้อตกลงในการเจรจา และความมุ่งมั่นของจีนที่จะให้การเจรจาที่เชื่อถือได้บนพื้นฐานความเสมอภาคและการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
นายหวัง โส่วเหวิน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวที่งานแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่งในวันนี้ว่า นับแต่เข้ารับตำแหน่ง คณะทำงานของสหรัฐได้ใช้การขาดดุลทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาเป็นข้ออ้างที่จะทำการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้าหลายครั้ง และทำการเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนเพียงฝ่ายเดียว บีบบังคับให้จีนต้องใช้มาตรการที่แข็งกร้าวเพื่อป้องกันผลประโยชน์ของประเทศ
การกระทำของสหรัฐได้ทำให้ผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศและของโลกอยู่ในความเสี่ยง และเพิกเฉยต่อการได้ผลประโยชน์ร่วมกันของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าของจีนกับสหรัฐ นายหวังกล่าว
ข้อมูลในรายงานสมุดปกขาวเปิดเผยว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐทำให้ปริมาณการส่งออกสินค้าจากจีนไปยังสหรัฐลดลงถึง 9.7% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นการปรับตัวลดลง 5 เดือนติดต่อกัน และการที่จีนใช้มาตรการโต้ตอบด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐได้ทำให้การส่งออกจากสหรัฐมายังจีนปรับตัวลดลง 8 เดือนติดต่อกัน
นอกจากนี้ ความขัดแย้งการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนได้ทำให้บริษัทในทั้ง 2 ประเทศลังเลที่จะทำการลงทุน การลงทุนของจีนในสหรัฐยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการขยายตัวของการลงทุนของสหรัฐในจีนก็ชะลอตัวลงเช่นกัน
รายงานยังระบุอีกว่า แทนที่มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่กลับเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตของบริษัทสหรัฐ ทำให้ราคาสินค้าในประเทศปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลเสียต่อการความเป็นอยู่ของชาวอเมริกัน
ทั้งนี้ มาตราการกีดกันทางการค้าของสหรัฐยังได้สร้างความเสียหายให้กับระบบการค้าพหุพาคี โดยเป็นการขัดขวางห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างร้ายแรง ทำลายความเชื่อมั่นของตลาด และทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นไปอย่างยากลำบากและเป็นภัยร้ายแรงต่อแนวโน้มกระบวนการโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ จากการที่ผลความขัดแย้งทางการค้าของจีนกับสหรัฐยังไม่ชัดเจน ทำให้องค์การการค้าโลก (WTO) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกในปี 2562 เหลือเพียง 2.6% จากเดิม 3.7%
รายงานสมุดปกขาวระบุว่า จีนได้สนับสนุนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความขัดแย้งทางการค้าผ่านทางการเจรจาและการให้คำปรึกษาตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตามคณะทำงานของสหรัฐได้เปลี่ยนข้อเรียกร้องจากการเจรจาครั้งก่อนอยู่หลายครั้ง
การเจรจาที่ล้มเหลวเป็นผลมาจากการที่สหรัฐฝ่าฝืนฉันทามติ ข้อตกลง และมีการกลับคำพูดไปมา
ทางด้านนายหวังได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐ ว่าจีนกลับคำพูดในตำแหน่งในการเจรจาการค้า พร้อมเสริมว่า "ยังไม่มีการตกลงใดๆ จนกว่าทุกอย่างจะตกลงเรียบร้อย"
นายหวังยังได้เน้นด้วยว่า จีนได้แสดงความจริงใจอย่างถึงที่สุด และแสดงความต้องการรับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งการค้าผ่านการเจรจา
รายงานสมุดปกขาวได้เน้นว่า ข้อตกลงการค้าต้องมีความเท่าเทียมและได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย และจีนจะไม่ยอมผ่อนเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักของจีน
หนึ่งในข้อตกลงขั้นต้นของการเจรจาการค้า คือสหรัฐควรจะยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากจีนทั้งหมด และการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมายังจีนควรจะสมเหตุสมผลขณะเดียวกันก็รับรองถึงความสมดุลในข้อตกลงที่ให้ผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
รายงานสมุดปกขาวระบุว่า เนื่องจากทั้งสองประเทศมีเศรษฐกิจและการค้าใหญ่ที่สุด 2 อันดับแรกของโลก ดังนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีข้อแตกต่างในด้านความร่วมมือการค้าและเศรษฐกิจบ้าง แต่ที่สำคัญคือจะยกระดับความไว้วางใจ ส่งเสริมความร่วมมือกัน และรับมือกับข้อแตกต่างได้อย่างไร
ความเคารพซึ่งกันและกันหมายถึงแต่ละฝ่ายควรจะเคารพในระบบสังคม เศรษฐกิจ เส้นทางและสิทธิการพัฒนา ผลประโยชน์หลัก และความกังวลสำคัญของแต่ละฝ่าย ซึ่งหมายถึงไม่ควรมีฝ่ายใดข้ามเส้นที่ไม่ควรข้าม
รายงานยังระบุด้วยว่า ในส่วนของความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกันนั้น ทั้งสองฝ่ายควรดำเนินงานในจุดยืนเดียวกัน และผลที่ได้ควรจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย การเจรจาจะไม่มีความคืบหน้าถ้ามีฝ่ายใดพยายามบีบบังคับอีกฝ่าย หรือมีเพียงฝ่ายเดียวที่ได้ประโยชน์
นายหวังได้เรียกร้องให้สหรัฐกับจีนพบกันครึ่งทาง เพื่อสนับสนุนความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม และการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน และร่วมมือส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นผลดีต่อความสัมพันธ์เศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี
"ถ้ามีข้อตกลงใดๆ ข้อตกลงนั้นก็ควรจะอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมและการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน" นายหวังกล่าว