ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้น 78.74 จุด หรือ 0.30% เมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2561 เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวสหรัฐระงับการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก รวมทั้งข่าวการควบรวมกิจการและซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่น และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนนี้
-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 มิ.ย.นี้ ขณะที่ FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และโอกาสมากกว่า 80% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.
-- ตลาดการเงินติดตามการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 อย่างใกล้ชิด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ยืนยันกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาพร้อมที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 แสนล้านดอลลาร์ หากการเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ในการประชุม G20 ไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 จะมีขึ้นในวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า หากปธน.สี จิ้นผิง ไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ในครั้งนี้ สหรัฐก็จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า จีนได้สร้างความได้เปรียบอย่างมากด้วยการทำให้สกุลเงินหยวนอ่อนค่าลง โดยในการให้สัมภาษณ์ต่อรายการ "Squawk Box" ของสำนักข่าว CNBC เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงสามารถกำหนดทิศทางนโยบายการเงินถือเป็นการเอาเปรียบแบบไม่ยุติธรรม โดยปธน.ทรัมป์แสดงความเห็นดังกล่าว ขณะที่หยวนร่วงใกล้แตะระดับต่ำสุดของปีนี้เทียบดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐตัดสินใจที่จะไม่ตราหน้าว่าจีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน แต่ก็มีผู้กล่าวว่า จีนได้ชดเชยความเสียหายจากการถูกเรียกเก็บภาษีด้วยการปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลง
เมื่อวานนี้เงินหยวนได้ดิ่งลงใกล้ระดับต่ำสุดของปีนี้ โดยอยู่ใกล้ระดับ 7.00 เทียบดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า หากหยวนทะลุระดับดังกล่าว ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่าสหรัฐและจีนจะทำสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ และยาวนานขึ้น
-- กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแสดงความวิตกอย่างมากเกี่ยวกับร่างกฎหมายในฮ่องกงที่จะอนุญาตให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีน โดยเตือนว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจทำลายเสรีภาพและภาวะแวดล้อมทางธุรกิจของฮ่องกง หากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติ โดยชาวฮ่องกงได้ออกมาประท้วงร่างกฎหมายดังกล่าวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540
-- ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียแสดงความวิตกในการประชุมที่มอสโคว์ว่า ความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลง อาจส่งผลให้ราคาร่วงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีมติเกือบเป็นเอกฉันท์ที่จะขยายเวลาปรับลดการผลิต และอาจมีการปรับจุดยืนในการประชุมกลุ่ม G20
ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานรัสเซียเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงสูงของภาวะอุปทานล้นตลาด แม้รัสเซียดำเนินการตามข้อตกลงโอเปก โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงต่ำกว่า 53 ดอลลาร์/บาร์เรล
-- นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานรัสเซีย กล่าวว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายแห่งได้ยืนยันว่า พวกเขาจะเตรียมจัดการประชุมกำหนดนโยบายน้ำมันกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 3-4 ก.ค. แทนกำหนดเดิมในวันที่ 25-26 มิ.ย.
"มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันมากเกินไป ขณะที่เราจำเป็นต้องวิเคราะห์ และพิจารณาว่าสถานการณ์ของตลาดจะเป็นไปอย่างไรในเดือนนี้ เพื่อให้มีการตัดสินใจที่สมดุลในการประชุมของโอเปก และประเทศพันธมิตรในเดือนก.ค." นายโนวัคกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ระบุว่า รัฐสภาของเม็กซิโกจะต้องให้สัตยาบันต่อข้อตกลงอีกส่วนหนึ่งที่รัฐบาลเม็กซิโกทำไว้กับรัฐบาลสหรัฐ
"เราได้ทำการลงนามในส่วนที่มีความสำคัญอย่างมากต่อข้อตกลงว่าด้วยการอพยพเข้าเมือง และความมั่นคงกับเม็กซิโก ซึ่งเป็นข้อตกลงที่สหรัฐได้เรียกร้องเป็นเวลาหลายปี โดยจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในไม่ช้า และรัฐสภาเม็กซิโกจำเป็นจะต้องลงคะแนน ซึ่งเราไม่คาดว่าการลงคะแนนจะประสบปัญหาแต่อย่างใด แต่ถ้ารัฐสภาเม็กซิโกไม่ให้การอนุมัติ สหรัฐก็จะเรียกเก็บภาษีต่อเม็กซิโก" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากเม็กซิโก ในอัตรา 5% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนจนแตะระดับ 25% ในวันที่ 1 ต.ค. ถ้าเม็กซิโกไม่สามารถสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยออสเตรเลียเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพ.ค.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) จีนเปิดเผยยอดขายรถเดือนพ.ค. อังกฤษเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนเม.ย. และ สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ค. ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนเม.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ออสเตรเลียเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากเวสต์แพค จีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. และ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนพ.ค. และ สหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)