นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า มีสัญญาณความผันผวนเกิดขึ้นจากการทำสงครามการค้า
นายดรากีและนางลาการ์ดระบุเตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า เช่น จีนและสหภาพยุโรป (EU) จะทำให้เกิดผลกระทบต่อทุกฝ่าย และสถานการณ์จะเลวร้ายลง
ทั้งนี้ ในการกล่าวในการประชุม ECB ครั้งที่ 8 สำหรับประเทศยุโรปในภูมิภาคตอนกลาง, ตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ (CESEE) นางลาการ์ดกล่าวว่า "เราได้มาประชุมกัน ในขณะที่การสนับสนุนสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ และการหาแนวทางแก้ไขระดับพหุภาคีกำลังลดน้อยลง"
นางลาการ์ดกล่าวว่า "การขยายตัวระดับโลกเผชิญภาวะซบเซาเป็นเวลามากกว่า 6 ปี ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลกได้ขู่ที่จะใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพวกเราทั้งหมด"
"สถานการณ์ความยุ่งยากเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะรูปแบบการขยายตัวของ CESEE ซึ่งเป็นรูปแบบที่พึ่งพาการเปิดกว้าง และการบูรณาการ" นางลาการ์ดกล่าว
นางลาการ์ดยังระบุว่า การที่สหรัฐขู่เก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรป จะทำให้ประเทศในยุโรป ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ เช่น สาธารณรัฐเชค สโลวาเกีย โปแลนด์ และโรมาเนีย จะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ
ทางด้านนายดรากีกล่าวว่า การค้าโลกได้รับผลกระทบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีประเทศที่ใช้มาตรการกีดกันทางการค้ามากกว่าที่ใช้มาตรการเปิดเสรีทางการค้า
นายดรากียังเตือนว่ากลุ่มประเทศ CESEE ซึ่งมีการส่งออกรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 30% ของการส่งออกทั้งหมด จะมีความอ่อนไหวต่อคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการขึ้นภาษีต่อรถยนต์ที่นำเข้าจากยุโรป
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ทำการขู่ในปีที่แล้วที่จะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อรถยนต์ยุโรป แต่สหรัฐยังไม่ได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวในขณะนี้
นายดรากีแนะนำให้ประเทศในกลุ่ม CESEE ดำเนินการให้มีรูปแบบการขยายตัวที่สมดุล โดยพึ่งพานวัตกรรมในประเทศมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มการใช้จ่ายด้านการลงทุน