บริษัทเฟดเอ็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุของสหรัฐเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่เตือนว่า ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และการไม่ต่อสัญญาใหม่กับบริษัทอเมซอนดอทคอม จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของเฟดเอ็กซ์ในปี 2563
เฟดเอ็กซ์เปิดเผยรายได้สุทธิลดลงสู่ 1.32 พันล้านดอลลาร์หรือ 5.01 ดอลลาร์ต่อหุ้นสำหรับไตรมาส 4 ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 พ.ค.ตามปีงบการเงินของบริษัท จากระดับ 1.60 พันล้านดอลลาร์ หรือ 5.91 ดอลลาร์ต่อหุ้นของปีก่อนหน้า
แต่รายได้รวมเพิ่มขึ้นสู่ 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการขยายตัวของปริมาณการขนส่งในสหรัฐ และรายได้ต่อการขนส่งที่เพิ่มขึ้นของ FedEx Freight และ FedEx Ground
นักวิเคราะห์คาดไว้โดยเฉลี่ยว่า กำไรต่อหุ้นของเฟดเอ็กซ์จะอยู่ที่ 4.85 ดอลลาร์ต่อหุ้น และรายได้รวมจะอยู่ที่ 1.779 หมื่นล้านดอลลาร์
สหรัฐและจีนทำสงครามการค้ากันมานาน 11 เดือนแล้ว โดยตอบโต้กันด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของแต่ละฝ่ายหลายแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน กระทบห่วงโซ่อุปทาน และกระทบแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
นายอลัน กราฟ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินของเฟดเอ็กซ์ระบุในแถลงการณ์ว่า ผลการดำเนินงานในปี 2563 ของเฟดเอ็กซ์จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากความอ่อนแออย่างต่อเนื่องในการค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริษัท FedEx Express
ทั้งนี้ เฟดเอ็กซ์คาดการณ์ผลประกอบการปีงบการเงิน 2563 ลดลงเป็นเปอร์เซนต์เลขหลักเดียว
นายแมทธิว ไวท์ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมขนส่งและจัดส่งพัสดุระบุว่า หากมีการปรับขึ้นภาษีเป็น 25% ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พูดไว้ เฟดเอ็กซ์ก็จะเป็นหนึ่งในบริษัทของสหรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด