การ์ทเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดเทคโนโลยีจากสหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลก อยู่ที่ 63 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้วซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 62 ล้านเครื่อง
นักวิเคราะห์จากการ์ทเนอร์ระบุถึงเหตุผลที่ทำให้ยอดขายคอมพิวเตอร์ปรับตัวขึ้นในครั้งนี้ว่า "เป็นเพราะความต้องการใช้งาน Windows 10 ในตลาดภาคธุรกิจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะเป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งได้เข้ามาชดเชยยอดขายของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ชะลอตัวลง"
รายงานของการ์ทเนอร์ระบุว่า บริษัทที่มียอดขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Lenovo, HP และ Dell ซึ่งครองสัดส่วนยอดขายรวมกัน 64% ของยอดขายทั้งหมด
ยอดขายคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในสหรัฐอยู่ที่ 14 ล้านเครื่อง ลดลง 0.4% จากปีที่แล้ว โดย HP และ Dell ยังคงเป็นบริษัทที่มียอดขายสูงสุด ขณะที่ยอดขายในเอเชียแปซิฟิกลดลง 1% จากระดับปีก่อนหน้า เนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวในตลาดจีน
อย่างไรก็ตาม การ์ทเนอร์มองว่า อุปสงค์คอมพิวเตอร์มีโอกาสได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทระหว่างสหรัฐกับจีน และภัยคุกคามทางภาษีในอนาคตอันใกล้นี้
การ์ทเนอร์ เปิดเผยว่า "แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดคอมพิวเตอร์ในไตรมาส 2/2562 แต่การเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในครั้งต่อไปจะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะแท็บเล็ตและแล็ปท็อปส่วนใหญ่ในปัจจุบันล้วนผลิตในจีน การขึ้นภาษีจึงทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีราคาแพงขึ้นเมื่อเข้าไปจำหน่ายในตลาดสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้จำหน่ายไม่มีมาตรการรับมือกับการขึ้นภาษีอย่างทันท่วงที"