บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานลดลงกว่าครึ่งหนึ่งในไตรมาส 2/2562 อันเป็นผลจากภาวะที่ตกต่ำของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และสมาร์ทโฟน
ทั้งนี้ ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.6 ล้านล้านวอน (หรือ 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 2 ซึ่งร่วงลง 55.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลขขั้นต้นที่ 6.5 ล้านล้านวอน (หรือ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่ทางบริษัทได้ประกาศเมื่อต้นเดือนนี้
เมื่อเทียบกับผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 17.6 ล้านล้านวอน (หรือ 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 3 ของปีที่แล้วก็พบว่า ผลกำไรไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ระดับเพียง 1 ใน 3 ของผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ดังกล่าว
ส่วนรายได้ในไตรมาส 2 ลดลง 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 56.13 ล้านล้านวอน (หรือ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) และรายได้สุทธิร่วงลง 53.1% สู่ระดับ 5.18 ล้านล้านวอน (หรือ 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลประกอบการของซัมซุงปรับตัวลดลง ท่ามกลางการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องของวงจรธุรกิจในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้ราคาชิพปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ปัจจัยที่เพิ่มความวิตกต่อผลประกอบการได้แก่ การที่ญี่ปุ่นประกาศควบคุมการส่งออกวัสดุหลัก 3 ชนิดที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และจอแสดงผลให้กับเกาหลีใต้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นรายได้หลักของซัมซุง