ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น 311.78 จุด หรือ 1.21% หลังจากจีนได้ออกมาเคลื่อนไหวในเชิงบวกด้วยการกำหนดค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อวานนี้ที่ระดับ 6.9683 เทียบดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.9736 เทียบดอลลาร์ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนจะใช้หยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
ทั้งนี้ การดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของดัชนีดาวโจนส์ช่วยหนุนตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับความเคลื่อนไหวในเชิงบวกจากฝั่งสหรัฐ โดยนายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงการค้ากับจีน และสหรัฐกำลังเตรียมการที่จะให้เจ้าหน้าที่ของจีนเดินทางมายังสหรัฐในเดือนหน้า
-- นักวิเคราะห์มองว่า แม้ตลาดจะฟื้นตัวขึ้น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี โดยปัญหาใหญ่ที่สุดนั้นคือผู้นำจากทั้งสองชาติต่างคิดว่าอีกฝ่ายไม่จริงจังกับการเจรจาการค้า โดยจีนมองว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แสดงท่าทีเพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งในปี 2562 ขณะที่ฝ่ายสหรัฐมองว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กำลังรอข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์ต่อจีนอยู่
-- รายงานของคณะกรรมาธิการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า เกาหลีเหนือสามารถระดมเงินทุน 2 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการผลิตอาวุธทำลายล้างสูง ผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ต่อเจ้าของเว็บไซต์ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล และธนาคารต่างประเทศ
รายงานดังกล่าวมาจากการรวบรวมกรณีการโจมตีทางไซเบอร์อย่างน้อย 35 กรณีใน 17 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งชิลี อินเดีย มาเลเซีย แอฟริกาใต้ และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือได้หันมาใช้วิธีโจมตีทางไซเบอร์เพื่อหารายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ ท่ามกลางการคว่ำบาตรจากนานาชาติ
-- จีนออกมาวิพากษ์วิจารณ์อินเดียที่ประกาศยกเลิกสถานะพิเศษของแคว้นแคชเมียร์เมื่อวานนี้ ท่ามกลางความพยายามในการยึดครองดินแดนดังกล่าว โดยกล่าวว่ารัฐบาลอินเดียได้บ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ นายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจนำไปสู่สงครามได้
-- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางจีนได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทต่างชาติ โดยระบุว่าสกุลเงินหยวนจะไม่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เงินหยวนได้ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 7 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ธนาคารกลางจีนได้จัดการประชุมร่วมกับกลุ่มบริษัทส่งออกต่างชาติที่กรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีนกล่าวว่า ความสามารถในการซื้อและขายสกุลเงินดอลลาร์ของบริษัทต่างชาติจะยังคงเป็นไปตามปกติ ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางจีนยืนยันว่าจีนจะไม่ใช้ค่าเงินเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้า
-- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินเดียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมวันพรุ่งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางการชะลอตัวของการลงทุน และการส่งออก
อย่างไรก็ดี แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินช์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินเดียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.35% ในการประชุมวันพรุ่งนี้ เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ถือว่าน้อยเกินไป และการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ถือว่ามากเกินไป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 0.75% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
-- บิตคอยน์ยังคงพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยทะลุระดับ 12,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ และปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันทำการที่ 8
ทั้งนี้ บิตคอยน์ดีดตัวกว่า 3% แตะระดับ 12,298 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา บิตคอยน์ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2-7% ในแต่ละวัน
หากบิตคอยน์สามารถปิดตลาดเหนือระดับ 11,800 ดอลลาร์ในวันนี้ ก็จะเป็นการทำช่วงบวกติดต่อกัน 8 วัน ซึ่งจะเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
-- อิหร่านส่งสัญญาณพร้อมที่จะเจรจากับสหรัฐ หากสหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดต่ออิหร่าน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ผู้นำอิหร่าน ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเทียบเท่ากับการก่ออาชญากรรม
นายรูฮานีกล่าวว่า ตราบใดที่สหรัฐยังคงทำการกดดันขั้นสูงสุดต่ออิหร่าน อิหร่านก็จะไม่สามารถมั่นใจต่อความจริงใจของสหรัฐในการยื่นข้อเสนอทำการเจรจา
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยเยอรมนีเตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และจีนเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.ค.
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนมิ.ย. จีนเผยดุลการค้าเดือนก.ค. ทางด้านสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.