หัวเว่ยได้เผยแพร่รายงานวิสัยทัศน์อุตสาหกรรมทั่วโลก (Global Industry Vision - GIV) พร้อมกับคาดการณ์การพัฒนาด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจนถึงปี 2568 ซึ่งบ่งชี้ 10 เมกะเทรนด์ที่ได้ส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงาน รวมถึงอัตราของการครอบคลุมของ 5G, การใช้งาน AI (ปัญญาประดิษฐ์), การใช้งานหุ่นยนต์ในบ้าน ตลอดจนการใช้ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ (Smart Assistant)
10 เทรนด์และตัวอย่างการคาดการณ์ในรายงานวิสัยทัศน์อุตสาหกรรมทั่วโลก (GIV) ปี 2568 ดังนี้
1. ใช้ชีวิตกับหุ่นยนต์ (Living with Bots): ความก้าวหน้าทางด้านวัสดุศาสตร์ การเรียนรู้ของเอไอ และเทคโนโลยีเครือข่ายต่างๆ ส่งเสริมให้มีการใช้งานหุ่นยนต์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการเป็นผู้ช่วยในบ้านและผู้ช่วยส่วนตัว รายงาน GIV คาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีอัตราการใช้งานหุ่นยนต์ตามบ้านร้อยละ 14
2. ซูเปอร์ไซต์ (Super Sight): การผนวกรวม 5G, VR/AR, แมชชีนเลิร์นนิ่ง และเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ จะช่วยให้เรามองข้ามระยะทาง ความผิดสัดส่วน พื้นผิว และก้าวไปไกลกว่าที่เคย เปิดมุมมองการมองเห็นของผู้คน ธุรกิจ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย รายงาน GIV คาดการณ์ว่าจำนวนบริษัทที่ใช้ AR/VR จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10
3. ซีโรเสิร์ช (Zero Search): เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ดีไวซ์ที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้าและมีเซนเซอร์ เริ่มมีความสามารถในการคาดการณ์สิ่งที่เราต้องการ คำตอบจะปรากฏให้เห็นในแบบที่ไม่ต้องถามเลยด้วยซ้ำ การค้นหาในอนาคตจะไม่มีปุ่มกด เครือข่ายสังคมส่วนบุคคลจะสร้างขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และอุตสาหกรรมก็จะได้ประโยชน์จาก "การบำรุงรักษาที่ไม่ต้องค้นหา หรือที่เรียกว่า Zero-Search โดยรายงาน GIV ได้คาดว่าเจ้าของสมาร์ทดีไวซ์ร้อยละ 90 จะใช้ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ
4. ถนนเฉพาะ (Tailored Streets): ระบบการเดินทางอัจฉริยะต่างๆ จะเชื่อมโยงผู้คน ยานพาหนะ และสาธารณูปโภค ทำให้การจราจรไม่แออัด สนองตอบต่อเหตุฉุกเฉินได้รวดเร็ว พร้อมฟังก์ชันอื่น ๆ ที่จะทำให้ชีวิตราบรื่นยิ่งขึ้น โดย GIV คาดการณ์ว่ายานพาหนะร้อยละ 15 จะมีเทคโนโลยี Cellular Vehicle-to-Everything
5. ทำงานกับหุ่นยนต์ (Working with Bots): หลังจากที่ได้พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมจำนวนมากไปแล้ว ระบบ Smart Automation จะเข้ามาช่วยงานที่ต้องอาศัยความแม่นยำสูง การทำงานซ้ำ ๆ และอันตรายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการผลิต รายงาน GIV ได้คาดการณ์ว่าในอุตสาหกรรมจะมีหุ่นยนต์ 103 ตัวต่อพนักงานทุก ๆ 10,000 คน
6. ความคิดสร้างสรรค์แต่งเสริม (Augmented Creativity): เอไอคลาวด์จะช่วยลดต้นทุนและอุปสรรคในการเข้าถึงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และศิลปะ เปิดขุมทองแห่งโอกาสการสร้างสรรค์สำหรับทุกคน รายงาน GIV ฉบับนี้ได้คาดการณ์ว่าร้อยละ 97 ของบริษัทขนาดใหญ่จะมีการใช้งานเอไอ
7. การสื่อสารแบบต่อเนื่อง (Frictionless Communication): เอไอและระบบการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าจะสร้างการสื่อสารที่ไร้รอยต่อระหว่างบริษัทและลูกค้า รวมถึงทลายกำแพงทางภาษา ความเที่ยงตรง ความเข้าใจ และความเชื่อใจ จะกลายเป็นรากฐานของการสื่อสารในอนาคต โดย GIV คาดการณ์ว่าร้อยละ 86 ขององค์กรจะใช้ประโยชน์จากดาต้าของตัวเองอย่างเต็มที่
8. เศรษฐกิจการอยู่ร่วมกัน (Symbiotic Economy): บริษัททั่วโลกกำลังนำเทคโนโลยีดิจิทัลและแอปพลิเคชันอัจฉริยะบนแพลตฟอร์มการเข้าถึงแบบเดียวกันมาปรับใช้ การใช้ระบบเดียวกันนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น การแบ่งปันทรัพยากร อีโคซิสเต็มระดับโลกที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และผลิตผลที่สูงขึ้น รายงาน GIV คาดการณ์ว่า บริษัททุกหนแห่งจะใช้เทคโนโลยีคลาวด์ และแอปพลิเคชันทางธุรกิจร้อยละ 85 จะอยู่บนคลาวด์
9. การติดตั้งใช้งาน 5G อย่างรวดเร็ว: 5G มาแล้ว และเริ่มมีการติดตั้งใช้งานรวดเร็วกว่าเทคโนโลยีไร้สายยุคก่อน ๆ มาก นำมาซึ่งโอกาสอันยิ่งใหญ่ทั้งสำหรับบุคคล ธุรกิจ และสังคม รายงาน GIV ได้คาดการณ์ว่า ร้อยละ 58 ของประชากรทั่วโลกจะสามารถเข้าถึง 5G ได้
10. การกำกับดูแลด้านดิจิทัลทั่วโลก: ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลต้องมีการถ่วงดุลด้วยมาตรฐานการจัดการข้อมูลที่ใช้ร่วมกันและหลักการใช้งานดาต้า GIV คาดการณ์ว่าปริมาณดาต้าทั่วโลกในหนึ่งปีจะสูงถึง 180 ZB (1 ZB เท่ากับ 1 ล้านล้านกิกะไบต์)