นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ได้ส่งจดหมายเตือนภายในบริษัทว่า หัวเว่ยอยู่ในภาวะ "อยู่หรือตาย" และแนะนำให้พนักงานรีบหาโปรเจคใหม่ ๆ เพื่อรับมือผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐ โดยพนักงานที่ไม่สามารถทำได้จะถูกตัดเงินเดือนเป็นระยะ ๆ และอาจถูกเชิญออก
นับตั้งแต่เดือนพ.ค. หัวเว่ยถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำ ทำให้บริษัทไม่สามารถซื้อสินค้าจากสหรัฐได้ แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะขยายระยะเวลาในการอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ยสามารถซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐได้อีก 90 วัน เพื่อให้หัวเว่ยสามารถให้บริการต่อลูกค้าที่มีอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนจากการคว่ำบาตรของสหรัฐก็ยังคงส่งผลกระทบต่อหัวเว่ย ซึ่งถึงแม้ในอนาคตหัวเว่ยอาจจะถูกถอดรายชื่อออกจากบัญชีดำของสหรัฐในท้ายที่สุด แต่ความวุ่นวายและปัญหาต่าง ๆ ที่หัวเว่ยต้องเผชิญก็ยังคงมีอยู่
ทั้งนี้ หัวเว่ยสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในระดับโลก โดยหัวเว่ยคาดการณ์ว่า ทางบริษัทจะมียอดขายสมาร์ทโฟนน้อยลง 60 ล้านเครื่องในปี 2562 ขณะที่เมื่อเทียบกับปี 2561 หัวเว่ยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 34% แตะที่ 206 ล้านเครื่อง ขณะที่ในไตรมาส 2 ของปีนี้ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่หัวเว่ยถูกขึ้นบัญชีดำจากสหรัฐ ยอดการเติบโตของหัวเว่ยลดลง 8.3%