บริษัท บีเอชพี กรุ๊ป ของออสเตรเลีย เปิดเผยผลกำไรสุทธิต่อปีที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เนื่องจากราคาสินแร่เหล็กปรับตัวแข็งแกร่ง และบริษัทไม่ได้มีรายจ่ายมากเท่ากับปีที่แล้ว
บีเอชพีซึ่งเป็นบริษัทเหมืองขนาดใหญ่ที่สุดของโลกตามมูลค่าตลาด มีกำไร 8.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 3.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบการเงินก่อนหน้าซึ่งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 5.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกี่ยวกับการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์หินดินดานในสหรัฐ การปฏิรูปภาษีของสหรัฐ และเหตุการณ์เขื่อนกักเก็บน้ำในเหมืองถลุงแร่ในบราซิลพังทลายลงเมื่อปี 2558
บีเอชพีรายงานค่าใช้จ่ายครั้งเดียวที่ 818 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับปีงบการเงินล่าสุด ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกรณีเขื่อนพังทลายในบราซิล
ส่วนผลกำไรพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 2% สู่ 9.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ 9 คนคาดไว้ที่ 9.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ บีเอชพีได้ประโยชน์จากราคาสินแร่เหล็กที่สูงขึ้นในระหว่างปีงบการเงิน
ราคาสินแร่เหล็กพุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้สู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง เนื่องจากมีการผลิตเหล็กกล้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในจีนซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตเหล็กกล้ามากที่สุดในโลก และจากภาวะชะงักงันของการจัดหาส่วนผสมของเหล็ก
ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บีเอชพีระบุว่า การผลิตสินแร่เหล็กทรงตัวในปีงบการเงิน ขณะที่การผลิตที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่เหมืองแห่งหนึ่งได้ถูกบดบังด้วยปัจจัยจากผลกระทบของพายุไซโคลนและอุบัติเหตุรถไฟตกราง
บีเอชพีเป็นผู้ส่งออกสินแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก