กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า กลุ่มผู้นำเข้าและผู้บริโภคกำลังแบกรับภาระจากการที่รัฐบาลสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน และระบุว่า การเก็บภาษีดังกล่าวจะไม่สามารถแก้ไขความไม่สมดุลด้านการค้าระหว่างสองประเทศ
ในบล็อกที่ใช้ชื่อว่า "Taming the Currency Hype" นั้น นายกัสตาโว แอดเลอร์, นายหลุยส์ คูเบดดู และนางกิตา โกปินาธ ซึ่งเป็นผู้เขียนร่วมกันในบล็อกดังกล่าวระบุว่า การกำหนดภาษีนำเข้าเป็นนโยบายที่ให้ผลในทางตรงกันข้ามในการรับมือกับมูลค่าของสกุลเงินที่สูงเกินไป เนื่องจากภาษีนำเข้าและอัตราแลกเปลี่ยนทำงานแตกต่างกัน
ทั้งนี้ นายกัสตาโว แอดเลอร์ เป็นรองหัวหน้าแผนกวิจัยของ IMF, นายหลุยส์ คูเบดดู เป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของแผนกวิจัย และ นางกิตา โกปินนาธ เป็นหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF
พวกเขาระบุว่า "การเก็บภาษีนำเข้า 10% ไม่จำเป็นที่จะต้องชดเชยกับการที่อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้น 10%"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ระบุว่า ภาษีนำเข้าของสหรัฐโดยเฉลี่ยที่เก็บจากสินค้าจีนได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% แล้วนับตั้งแต่ต้นปี 2561 และจะเพิ่มขึ้นอีก 5% หากสหรัฐดำเนินการได้ตามแผนการที่ประกาศไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่าจะกำหนดภาษีสินค้าจีนเพิ่มขึ้น