คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า การที่เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ลง 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 30-31 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น มีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเกินไป และป้องกันความเสี่ยงที่การลงทุนในภาคธุรกิจจะทรุดตัวลงมากขึ้น อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการด้านภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดได้อภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าเดิม โดยกรรมการบางส่วนเสนอให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% เพื่อกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อให้ดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟด และยับยั้งผลกระทบจากข้อพิพาทการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลก
-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะเดินทางไปเยือนฝรั่งเศสในวันนี้ ภายหลังจากที่ได้เดินทางเยือนเยอรมนี และหารือเรื่องการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) กับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โดยนายบอริส จะเจรจากับนายเอ็มมานูแอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เพื่อแสดงจุดยืนที่ต้องการให้มีการเจรจาต่อรองอีกครั้งเกี่ยวกับเงื่อนไข Brexit ซึ่งสวนทางกับจุดยืนของนายมาครองที่ระบุว่า การเจรจาต่อรองเงื่อนไขต่างๆตามที่อังกฤษเสนอมานั้น ไม่ทางเลือก เพราะได้มีการสรุปชัดเจนแล้วในเรื่องนี้โดยนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป
-- ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ระยะเวลา 7 วัน ลง 0.25% สู่ระดับ 5.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 2 เพื่อที่จะกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ และยังสอดคล้องกับการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อในระดับต่ำ
-- บริษัทบัญชีชั้นนำของโลก 2 แห่งอย่าง KPMG และ PwC ได้ส่งอีเมลเตือนพนักงานไม่ให้ใช้ชื่อบริษัทในการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ในฮ่องกง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ โกลบอล ไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนได้รายงานว่า บริษัทบัญชีชั้นนำของฮ่องกงจำนวน 4 บริษัทไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอที่จะจัดการกับพนักงานของบริษัทที่สนับสนุนการประท้วงในฮ่องกง ภายหลังจากที่การประท้วงได้ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทเหล่านี้ไม่ต้องการมีปัญหากับรัฐบาลจีน
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ออกโรงโจมตีบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ จำกัด หลังจากทางบริษัทปฏิเสธที่จะทำตามแผนของรัฐบาลในการทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับค่าประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง (fuel efficiency) ที่รัฐบาลในยุคของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้กำหนดขึ้น
ทางด้านฟอร์ดได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ปกป้องราคารถยนต์ไม่ให้สูงเกินไป โดยการทำข้อตกลงกับรัฐแคลิฟอร์เนียให้ข้อบังคับที่มั่นคง ขณะเดียวกันก็ลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าการทำตามมาตรฐานสองอย่างที่มีมาตรฐานแตกต่างกัน
-- สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรส (CBO) เปิดเผยรายงานว่า การที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดภาษีนำเข้าท่ามกลางความขัดแย้งด้านการค้ากับประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้น คาดว่า จะทำให้รายได้เฉลี่ยของครัวเรือนสหรัฐลดลง 580 ดอลลาร์ในปี 2563
CBO คาดว่า ภายในปี 2563 การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐและต่างประเทศนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2561 จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของสหรัฐลดลงประมาณ 0.3% และคาดว่า ภาษีนำเข้าที่กำหนดขึ้นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการค้าเหล่านั้น จะทำให้รายได้ที่แท้จริงสำหรับครัวเรือสหรัฐลดลงโดยเฉลี่ย 0.4%
CBO ยังประมาณการว่า ภาษีนำเข้าซึ่งไม่รวมแผนเก็บภาษีนำเข้า 10% จากสินค้าจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.และธ.ค.นั้น จะทำให้มูลค่าการส่งออกที่แท้จริงของสหรัฐลดลง 1.7% ในปี 2563 และมูลค่าการนำเข้าที่แท้จริงของสหรัฐจะลดลง 2.6%
-- รัฐบาลเยอรมนีได้เปิดประมูลขายพันธบัตรอายุ 30 ปีเมื่อวานนี้ โดยผลการประมูลระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทดังกล่าวอยู่ที่ระดับติดลบเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ของตลาดตราสารหนี้ที่อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับน้อยกว่า 0% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (coupon rate) ถูกกำหนดไว้ที่ 0%
ทั้งนี้ เยอรมนีขายพันธบัตรอายุ 30 ปีได้ในวงเงิน 824 ล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนที่ระดับ -0.11%
-- อังกฤษและเกาหลีใต้จะลงนามข้อตกลงการค้าที่ต่อเนื่องในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้ภาคธุรกิจต่างๆสามารถทำการค้าได้อย่างเสรีภายหลังจากที่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยนางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอังกฤษ จะลงนามในข้อตกลงกับยู มยุง ฮี รมว.การค้าของเกาหลีใต้ ในข้อตกลงที่ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับเงื่อนไขต่างๆของข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเกาหลี
-- นายวินเซนต์ ปัง รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารของหัวเว่ย ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน เปิดเผยในระหว่างงานเลี้ยงแบบอินเตอร์แอคทีฟที่นิวยอร์กว่า บริษัทจะเพิ่มความโปร่งใส และพิจารณาตัวบริษัทเองเหมือนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ นายปังยังกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวนอกรอบการประชุม ซึ่งมีการนำเสนอผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ของหัวเว่ยว่า บริษัทปฏิบัติตามกฎด้านบัญชีของบริษัท และออกรายงานประจำปีมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม นับเป็นครั้งแรกที่หัวเว่ยออกรายงานผลการดำเนินการรายไตรมาสและครึ่งปี ในเดือนเม.ย. และ ก.ค. ตามลำดับ
-- เกาหลีใต้เผยเตรียมยกเลิกข้อตกลงเรื่องการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองทางทหารกับญี่ปุ่น ท่ามกลางความขัดแย้งที่เขม็งเกลียวขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งข้อมูลข่าวกรองดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ช่วยให้ประเทศสามารถรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ เช่น ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า การดำเนินการของญี่ปุ่นในเรื่องการค้าอย่างการคุมเข้มการส่งออกวัตถุดิบบางรายการที่มีความสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ความมั่นคงโดยรวม และทำให้การแชร์ข้อมูลที่อ่อนไหว เช่น ข่าวกรองทางทหารนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควร