หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ของจีนออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน รวมถึงเรียกร้องให้บริษัทสัญชาติสหรัฐย้ายการดำเนินธุรกิจออกจากจีน
ไชน่า เดลี่ระบุว่า สหรัฐไม่มีสิทธิมากุมชะตาของจีน พร้อมกล่าวอีกด้วยว่า เห็นได้ชัดเจนว่าการทำสงครามภาษีกับจีนนั้นเป็นการจงใจปั่นสถานการณ์ทางการเมือง สิ่งที่สหรัฐต้องการจากพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่คือการตกเป็นรองและนอบน้อมต่อความต้องการของสหรัฐ"
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ ของจีนยังกล่าวอีกด้วยว่า การที่สหรัฐละทิ้งตลาดจีนถือเป็นการ "ฆ่าตัวตาย" โดยเฉพาะในภาคยานยนต์
"จีนพร้อมต้อนรับบริษัทสหรัฐให้เข้ามาลงทุนและดำเนินธุรกิจในตลาดจีน แต่ถ้าบริษัทใดต้องการทำตามคำสั่งของปธน.ทรัมป์และเข้าร่วมสงคราม ผลลัพธ์คงออกมาไม่สวยนัก การตัดสินใจปลีกตัวออกจากตลาดจีนคือการฆ่าตัวตาย" หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 30% จาก 25% ในปัจจุบัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้ประกาศปรับขึ้นภาษีที่ได้วางแผนไว้สำหรับสินค้าจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 15% จาก 10% ด้วย โดยจะเริ่มเก็บภาษีผลิตภัณฑ์บางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. และเลื่อนการเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวราวครึ่งหนึ่งไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค.
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน เพื่อตอบโต้จีนที่ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษี 5-10% จากสินค้านำเข้าของสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการเก็บภาษี 2 รอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. นอกจากนี้ จีนจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐ และเก็บภาษี 5% ต่อชิ้นส่วนรถยนต์สหรัฐ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค.